วันพุธที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2556

บทที่ 3 อะไรผลักดันคริสตจักรของคุณ

ในใจของมนุษย์มีแผนงานเป็นอันมาก
แต่พระประสงค์ของพระเจ้านั่นแหละจะดำรงอยู่ได้
สุภาษิต 19:21

อาจารย์สตีฟ จอห์นสันเรียกประชุมกรรมการประจำเดือนที่คริสตจักรเวสต์ไซต์ เวลาหนึ่งทุ่มตรง อาจารย์สตีฟพูดว่า "เรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะแยะ ดังนั้น เริ่มกันเลยดีกว่า ตามที่พวกคุณทราบ วาระประชุมของเรา คือ เราต้องตกลงกันเรื่องรายการที่มุ่งไปทางเดียวกันสำหรับปีใหม่ และเราต้องเสนอให้แก่คริสตจักรภายใน 2 อาทิตย์"

ในฐานะประธาน อาจารย์สตีฟกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในการประชุมเรื่องรายการ ซึ่งเป็นการประชุมที่มีความขัดแย้งและการโต้เถียงมากที่สุด ถ้าไม่นับการประชุมงบประมาณประจำปี เขาถามว่า "ใครอยากเริ่มก่อนครับ"

เบน มัคนายกซึ่งเป็นสมาชิกนาน 26 ปีกล่าวว่า "เรื่องนี้ไม่น่าจะยาก ปีที่แล้วเป็นปีที่ดี ก็ให้เราทำสิ่งดี ๆ ทั้งหมดเหมือนปีที่แล้ว ผมเชื่อเสมอว่า สิ่งที่ได้ทำและพิสูจน์ว่าดีแล้ว ย่อมดีกว่าความคิดใหม่ ๆ"

บ็อบ พูดว่า "ผมไม่เห็นด้วยครับ เวลาเปลี่ยนไป และผมคิดว่าเราต้องประเมินทุกสิ่ง ที่เรากำลังทำ การที่รายการหนึ่งใช้ได้ในอดีตไม่ได้หมายความว่า มันจะใช้ได้โดยอัตโนมัติในปีต่อไป ผมสนใจที่เราจะเริ่มนมัสการอีกรอบ ในรูปแบบที่แตกต่างเราทุกคนล้วนได้เห็นการเติบโตของคริสตจักรคาลวารีทหลังจากที่พวกเขาเริ่มนมัสการแบบร่วมสมัยเพื่อเข้าถึงคนไม่เป็นคริสเตียน"

เบนตอบว่า "ใช่ บางคริสตจักรยอมทำ อะไรก็ได้ เพื่อจะได้คน แต่เขาลืมไปว่า คริสตจักรมีไว้สำหรับใคร ก็สำหรับคริสเตียน เราต้องแตกต่าง และแยกตัวออกจากโลก เราต้องไม่คล้อยตามสิ่งที่โลกต้องการ แน่นอน ผมไม่ต้องการให้สิ่งนี้เกิดขึ้นที่คริสตจักรเวสต์ไซด์"

ตลอด 2 ชั่วโมงต่อมา รายชื่อของรายการดี ๆ และเป้าหมายดี ๆ ได้รับการเสนอให้ลงในปฏิทินคริสตจักร คาเรนยืนกรานแข็งขันว่า คริสตจักรต้องมีส่วนช่วยแม่ที่จะทำแท้งและกลุ่มต่อต้านการทำแท้งมากขึ้น จอห์นเล่าคำพยานที่ซาบซึ้งว่ากลุ่มพรอมิสคีพเพอร์ (Promise Keeper) ได้เปลี่ยนชีวิตเขาอย่างไร และได้เสนอกิจกรรมมากมายสำหรับบุรุษ ลินดาพูดถึงความจำเป็นในการมีกลุ่มหนุนใจพี่น้อง บ๊อบกล่าวตามที่เขาคิดว่าคริสตจักรตั้งโรงเรียนคริสเตียน และแน่นอนทุกครั้งที่มีการเสนอรายการ เจอร์รี่ก็จะถามว่า "แล้วต้องใช้เงินเท่าไร" ทั้งหมดล้วนเป็นข้อเสนอที่ดี ปัญหาคือ ไม่มีมาตรฐานที่จะอ้างอิงเพื่อให้กรรมการสามารถประเมินและตัดสินว่ารายการไหนควรนำมาใช้

ในที่สุด คลาร์คก็พูดขึ้น คราร์กเป็นเสียงที่ทุกคนรอคอย เมื่อไรก็ตามที่เกิดความสับสนในการประชุมธรรมกิจ เขามักจะพูดสั้น ๆ และคนส่วนใหญ่ก็ลงมติตามนั้น ไม่ใช่ว่าความเห็นของเขาดีกว่า ที่จริงบ่อยครั้งที่คนไม่เห็นด้วยกับเขา แต่บุคลิกของเขาทำให้สิ่งที่เขาพูดฟังดูสมเหตุสมผลในเวลานั้น

ปัญหาในเรื่องนี้คืออะไร พลังขับเคลื่อนมากมายในคริสตจักรกำลังแข่งขันกันเอง สิ่งที่ก่อเกิดความขัดแย้งและเกิดคริสตจักรที่มุ่งไปหลายทิศทางในเวลาเดียวกัน

ถ้าคุณดูคำว่า ขับเคลื่อน ในพจนานุกรม (ภาษาอังกฤษใช้คำเดียวกัน ทั้งขับรถ ตอกตะปู ตีกอล์ฟ คือ drive) คุณจะพบความหมายว่า "การนำ ควบคุม หรือกำหนดทิศทาง" เวลาคุณขับรถ คุณเป็นคนนำ ควบคุม และกำหนดทิศทางให้รถไปตามถนน เมื่อคุณตอกตะปู คุณนำ คุณควบคุมและกำหนดทิศทางให้มันเข้าไปในเนื้อไม้ เมื่อคุณตีกอล์ฟ คุณคาดหวังว่าจะนำ ควบคุมและกำหนดทิศทางของมัน

คริสตจักรทุกแห่งขับเคลื่อนไปโดยบางสิ่งบางอย่าง เบื้องหลังทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมีพลังที่ชี้นำ มีสมมุติฐานที่ควบคุม และมีความเชื่อมั่นที่กำหนดทิศทาง คนอาจไม่ได้พูดถึงมัน และคนมากมายอาจไม่รู้ตัว และโดยมากมันเป็นสิ่งที่คริสตจักรไม่เคยลงคะแนนเสียงอย่างเป็นทางการ แต่มันก็อยู่ในคริสตจักร และมีอิทธิพลต่อทุกด้านของคริสตจักร สำหรับคุณล่ะครับ อะไรคือพลังขับเคลื่อนเบื้องหลังคริสตจักรของคุณ

คริสตจักรที่ขับเคลื่อนโดยประเพณี

ในคริสตจักรที่ขับเคลื่อนโดยประเพณีนั้น ประโยคที่นิยมกันมากที่สุดก็คือ "ก็เราทำอย่างนี้มาตลอด" เป้าหมายของคริสตจักรที่ขับเคลื่อนโดยประเพณี คือ รักษาอดีตไม่ให้สูญหาย การเปลี่ยนแปลงจะถูมองในทางลบ และการหยุดนิ่งถือเป็น "ความมั่นคง"

คริสตจักรเก่า ๆ มักผูกพันกันโดยกฏเกณฑ์ ระเบียบและพิธีกรรม ในขณะที่คริสตจักรใหม่มักผูกพันกันโดยเป้าหมายและพันธกิจ ในบางคริสตจักร ประเพณีเป็นพลังขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่จนสิ่งอื่น ๆ กลายเป็นเรื่องรอง ไม่เว้นแม้แต่พระประสงค์ของพระเจ้า ราฟ เนเบอร์กล่าวว่า คำพูดสุดท้าย 7 คำก่อนคริสตจักรจะตาย คือ "เราไม่เคยทำเช่นนั้นเลย"

คริสตจักรที่ขับเคลื่อนด้วยบุคคล

ในคริสตจักรนี้คำถามสำคัญที่สุดคือ "ผู้นำต้องการอะไร" ถ้าศิษยาภิบาลรับใช้ในคริสตจักรนี้มานาน เขามีแนวโน้มจะเป็นผู้ขับเคลื่อนคริสตจักร แต่ถ้าหากคริสตจักรเปลี่ยนแปลงศิษยาภิบาลทุก 2-3 ปี สมาชิกผู้นำคนหนึ่งมักจะเป็นพลังขับเคลื่อน ปัญหาที่ชัดเจนสำหรับคริสตจักรที่ขับเคลื่อนโดยบุคคลคือ กิจกรรมถูกกำหนดโดยภูมิหลัง ความจำเป็น และความรู้สึกไม่มั่นคงของผู้นำ แทนที่จะกำหนดโดยน้ำพระทัยของพระเจ้า หรือความจำเป็นของสมาชิก อีกปัญหาหนึ่ง คือ คริสตจักรที่ขับเคลื่อนโดยบุคคลจะหยุดอยู่กับที่ทันที่เมื่อบุคคลที่ขับเคลื่อนจากไป หรือเสียชีวิต

คริสตจักรที่ขับเคลื่อนด้วยการเงิน

ในความคิดของทุกคนในคริสตจักรนี้ คำถามสำคัญที่สุด คือ "จะต้องใช้เงินเท่าไร" ไม่มีอะไรจะสำคัญเท่ากับการเงิน ปัญหาที่โต้แย้งกันรุนแรงที่สุดภายในคริสตจักรที่ขับเคลื่อนด้วยการเงินคือ เรื่องงบประมาณ แม้ว่าการใช้เงินอย่างดีและมีเงินใช้นั้นเป็นเรื่องสำคัญสำหรับสุขภาพคริสตจักร แต่การเงินต้องไม่ใช่ตัวควบคุมคริสตจักร เรื่องสำคัญกว่านั้น คือ พระเจ้าต้องการให้คริสตจักรทำอะไร คริสตจักรไม่ได้อยู่เพื่อผลกำไร สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับทุกคริสตจักรไม่ควรจะเป็น "เราจะเก็บเงินได้มากเท่าไร" แต่เป็น "มีใครรอดบ้าง" ผมสังเกตว่า คริสตจักรมากมายปีแรก ๆ ก็ขับเคลื่อนด้วยความเชื่อ แต่ปีต่อ ๆ มากลับขับเคลื่อนด้วยการเงิน

คริสตจักรที่ขับเคลื่อนด้วยรายการ

รวีศึกษา คณะสตรี คณะนักร้อง และคณะอนุชนเป็นตัวอย่างของรายการที่มักจะเป็นพลังขับเคลื่อนในคริสตจักร ในคริสตจักรที่ขับเคลื่อนด้วยรายการ กำลังคนทั้งหมดจดจ่อที่การคงรักษาและสนับสนุนรายการ บ่อยครั้งที่เป้าหมายของคริสตจักรประเภทนี้จะถูกเปลี่ยนจากการสร้างคนไปเป็นการจัดคนเข้าสู่ตำแหน่ง และกรรมการสรรหาบุคลากรกลายเป็นกลุ่มคนที่สำคัญที่สุด ถ้าผลที่ได้จากรายการลดลง คนที่เกี่ยวข้องจะโทษตัวเองที่ทุ่มเทไม่มากพอ แต่ไม่มีใครเคยถามว่า รายการนั้นยังใช้ได้หรือไม่

คริสตจักรที่ขับเคลื่อนด้วยตัวอาคาร

ครั้งหนึ่ง วินสตัน เชอร์ชิล กล่าวว่า "เราก่อสร้างอาคาร แล้วอาคารก็ก่อสร้างเรา" คริสตจักรห่วงแต่จะมีอาคารที่งดงามจนสมาชิกได้ถวายเงินมากกว่าที่สามารถให้ได้จริง การจ่ายเงินสร้างและการบำรุงรักษาอาคาร กลายเป็นงานที่ใช้งบประมาณมากที่สุด เงินทุนที่ควรใช้เพื่อการทำพันธกิจต้องผันไปเป็นเงินจำนอง และพันธกิจแท้จริงของคริสตจักรก็กระทบกระเทือน ส่วนในสถานการณ์อื่น ๆ คริสตจักรยอมให้ความเล็กของตัวอาคารมากำหนดการเติบโตในอนาคต และให้ความสำคัญแก่ตัวอาคารมากกว่าการเข้าถึงชุมชน

คริสตจักรที่ขับเคลื่อนด้วยรายการพิเศษ

ถ้าคุณดูปฏิทินของคริสตจักรที่ขับเคลื่อนด้วยรายการพิเศษ คุณจะรู้สึกว่าเป้าหมายของคริสตจักรนี้ คือ การทำให้สมาชิกมีงานยุ่งตลอดเวลา เขามีรายการทุกคืนตลอดสัปดาห์ ทันทีที่รายการใหญ่เสร็จไปหนึ่งงาน ก็ต้องเริ่มรายการใหญ่ครั้งต่อไปทันที คริสตจักรแบบนี้มีกิจกรรมมาก แต่ไม่ได้เกิดผมเสมอไป คริสตจักรอาจทำตัวให้ยุ่งโดยไม่มีจุดหมายชัดเจนในสิ่งที่ทำ จำเป็นต้องมีคนถามว่า "อะไรคือเป้าหมายของกิจกรรมแต่ละอย่างที่เราทำ" ในคริสตจักรที่ขับเคลื่อนด้วยรายการพิเศษ การเข้าร่วมรายการเป็นตัววัดความสัตย์ซื่อและความเป็นผู้ใหญ่ เราต้องระมัดระวังไม่ให้การประชุมกลายเป็นกิจกรรมหลักของสมาชิกของสมาชิกแทนที่จะเป็นการรับใช้

คริสตจักรที่ขับเคลื่อนด้วยผู้สนใจ

ในความพยายามอันจริงใจที่จะเข้าถึงคนไม่เชื่อ และที่จะทำให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมปัจจุบัน บางคริสตจักรยอมให้ความต้องการของคนไม่เป็นคริสเตียนเป็นพลังขับเคลื่อนของพวกเขา คำถามสำคัญ คือ "ตนที่ไม่เป็นคริสเตียนต้องการอะไร" แม้ว่าเราต้องไวต่อความต้องการ ความเจ็บปวด และความสนใจของคนที่แสวงหาและต้องฉลาดในการวางแผนการประกาศที่มุ่งเน้นความต้องการของพวกเขา แต่เราก็ไม่สามารถยอมให้ผู้สนใจเป็นพลังขับเคลื่อนสำหรับทุกสิ่งที่คริสตจักรทำ

พระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับคริสตจักรของพระองค์ ครอบคลุมถึงการประกาศด้วย แต่มิใช่เราจะทิ้งเป้าหมายอื่นที่เหลือ การดึงดูดคนไม่เชื่อ คือ ก้าวแรกของกระบวนการสร้างสาวก แต่ไม่ควรจะเป็นพลังขับเคลื่อนของคริสตจักร ธุรกิจขับเคลื่อนด้วยการตลาดได้ (คือให้สิ่งที่ลูกค้าต้องการ) แต่คริสตจักรได้รับการทรงเรียกที่สูงกว่านั้น คริสตจักรควร ไวต่อความรู้สึกของผู้สนใจ แต่ไม่ใช่ขับเคลื่อนด้วยผู้สนใจ เราต้องปรับรูปแบบการสื่อสารให้เข้ากับวัฒนธรรมของเรา โดยไม่รับเอาส่วนที่เป็นบาปหรือรับเอามาทั้งหมดโดยไม่ผ่านการกลั่นกรองตามมาตรฐานของพระคัมภีร์

กรอบความคิดตามพระคัมภีร์ คือ
คริสตจักรที่เคลื่อนไปด้วยวัตถุประสงค์

สิ่งที่ต้องการในเวลานี้ คือ คริสตจักรที่ขับเคลื่อนด้วยวัตถุประสงค์ แทนที่จะขับเคลื่อนด้วยอิทธิพลอื่น หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นเพื่อนำเสนอกรอบความคิดใหม่ที่ว่า คริสตจักรที่เคลื่อนไปด้วยวัตถุประสงค์เป็นทางเลือกหนึ่งที่ถูกต้องตามพระคัมภีร์และเป็นประโยชน์ สามารถนำมาแทนวิธีเดิมที่คริสตจักรใช้จัดองค์กรและปฏิบัติงาน

กรอบความคิดนี้มีองค์ประกอบสำคัญ 2 ประการ

ประการที่ 1 คือ การมี มุมมอง ใหม่ คุณต้องเริ่มมองทุกสิ่งที่คริสตจักรของคุณทำ ผ่านเป้าหมาย 5 ประการในพระคัมภีร์ใหม่ และดูว่าพระเจ้าทรงประสงค์ให้คริสตจักรมีความสมดุลอย่างไรในเป้าหมายทั้ง 5 ประการ

ประการที่ 2 คือ การมี กระบวนการ เพื่อทำให้เป้าหมายของคริสตจักรสำเร็จในหนังสือเล่มนี้ ผมอธิบายกระบวนการที่เราใช้ที่คริสตจักรแซดเดิลแบ็ค ซึ่งช่วยให้คริสตจักรของเราได้พบกับ 15 ปีแห่งการเติบโตที่แข็งแรงและสม่ำเสมอ

นี่ไม่ใช่ทฤษฎีประเภท "หอคอยงาช้าง" แต่เป็นทฤษฎีที่ผ่านการทดสอบในสนามฝึกจริงของคริสตจักรนาน 15 ปี และก่อให้เกิดคริสตจักรหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ทฤษฎีนี้ยังได้นำมาซึ่งผลที่น่าตื้นเต้นในคริสตจักรอื่นอีกนับพันแห่งในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และเอเชีย ไม่ว่าคริสตจักรของคุณจะมีขนาดเท่าใดก็ตาม ก็จะสมบูรณ์ขึ้น แข็งแรงขึ้น พร้อมทั้งมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อคุณเป็นคริสตจักรที่เคลื่อนไปด้วยวัตถุประสงค์

อัครทูตเปาโลกล่าวว่า พระเจ้าจะทรงพิพากษาสิ่งที่เราสร้าง โดยดูว่ามันคงทนอยู่ได้หรือไม่ "ไฟนั้นจะพิสูจน์ให้เห็นการงานของแต่ละคนว่าเป็นอยงไร ถ้าการงานของผู้ใดที่ก่อขึ้นทนได้ ผู้นั้นก็จะได้ค่าตอบแทน" (1 โครินธ์ 3:13-14) เปาโลยังบอกเราด้วยว่า กุญแจของการสร้างสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้คงทนถาวร คือ การสร้างบนพื้นฐานที่ถูกต้อง "ขอทุกคนจงระวังให้ดีว่าเขาจะก่อขึ้นมาอย่างไร เพราะว่าผู้ใดจะวางรากอื่นอีกไม่ได้แล้ว นอกจากที่วางไว้แล้ว คือ พระเยซูคริสต์" (1 โครินธ์ 3:10-11)

คริสตจักรต่าง ๆ ที่แข็งแรงล้วนสร้างขึ้นบนวัตถุประสงค์ คริสตจักรของคุณก็จะพัฒนาความสมดุลที่ดีอันจะนำมาซึ่งการเกิดผลในระยะยาวได้ เมื่อคุณจดจ่ออยู่ที่วัตถุประสงค์ทั้ง 5 ประการสำหรับคริสตจักร คือ วัตถุประสงค์ซึ่งมาจากพระคัมภีร์ใหม่อีกทั้งต้องให้ความสำคัญกับวัตถุประสงค์ทั้งห้าประการอย่างเท่าเทียมกัน สุภาษิต 19:21 กล่าวว่า "ในใจของมนุษย์มีแผนงานเป็นอันมาก แต่พระประสงค์ของพระเจ้านั่นแหละจะดำรงอยู่ได้" แผนงาน รายการ และบุคคลไม่ยั่งยืน แต่พระประสงค์ของพระเจ้ายั่งยืน

ความสำคัญของการเป็น
คริสตจักรที่เคลื่อนไปด้วยวัตถุประสงค์

ไม่มีสิ่งใดมาก่อนเป้าหมาย จุดเริ่มต้นของทุกคริสตจักรควรจะเป็นคำถามที่ว่า "เราอยู่ไปเพื่ออะไร" เมื่อคุณไม่รู้ว่าคริสตจักรของคุณอยู่ไปเพื่ออะไร คุณก็ยังไม่มีพื้นฐาน ไม่มีแรงจูงใจ และไม่มีทิศทางสำหรับการรับใช้ ถ้าคุณกำลังช่วยตั้งคริสตจักรใหม่ งานแรกของคุณ คือ กำหนดเป้าหมายของคุณ การวางรากฐานอย่างถูกต้องในคริสตจักรใหม่นั้น เป็นเรื่องง่ายกว่าการรื้อสร้างพื้นฐานใหม่ในคริสตจักรเก่าแก่

อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณกำลังรับใช้ในคริสตจักรที่หยุดเติบโต หรือมีคนลดลงหรือกำลังท้อใจ งานที่สำคัญที่สุดคือ การกำหนดเป้าหมายของคุณใหม่ ให้คุณลืมสิ่งอื่น ๆ ทั้งหมดไปก่อน จนกว่าคุณได้วางรากฐานนี้ในความคิดของสมาชิกคุณ ให้คุณย้อนกลับมองนิมิตให้ชัดเจนอีกครั้งว่า พระเจ้าทรงต้องการทำอะไรในคริสตจักรและผ่านคริสตจักรของคุณ ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้คริสตจักรกลับฟื้นชีวิตขึ้นมาใหม่ได้เร็วกว่าการค้นพบเป้าหมายใหม่อีกครั้งหนึ่ง

เมื่อผมเตรียมเริ่มต้นคริสตจักรแซดเดิลแบ็ค ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ผมพบในการวิจัยของผม คือ คริสตจักรที่เติบโตและแข็งแรงนั้นมีลักษณะเฉพาะตัวที่ชัดเจนพวกเขาเข้าใจเหตุผลที่ว่าพวกเขาอยู่เพื่ออะไร เขามีวัตถุประสงค์ที่เจาะจง เขารู้อย่างแน่ชัดว่าพระเจ้าทรงเรียกให้ทำอะไร เขารู้ว่างานของพวกเขาคืออะไร และอะไรที่ไม่ใช่ธุระของพวกเขา คริสตจักรของคุณมีลักษณะเฉพาะตัวที่ชัดเจนหรือไม่

ถ้าคุณถามสมาชิกคริสตจักรทั่วไปว่า คริสตจักรของพวกเขาตั้งอยู่เพื่ออะไรพวกเขาจะให้คำตอบที่แตกต่างกันอย่างมาก คริสตจักรส่วนมากไม่เห็นพ้องต้องกันในเรื่องนี้ วิน อาร์น ที่ปรึกษาด้านคริสตจักรเคยบอกผมเรื่องการสำรวจที่เขาทำ เขาทำสำรวจสมาชิกของ 1,000 คริสตจักร และถามว่า "คริสตจักรตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร" ผลที่ได้ คือ 89% ของสมาชิกทั้งหมดที่ตอบคำถามบอกว่า "เป้าหมายของคริสตจักรคือ การดูแลครอบครัวของผมและความต้องการของพวกเขา" สำหรับคนจำนวนมากบทบาทของศิษยาภิบาล คือ ดูแลแกะที่อยู่ใน "คอก" ให้มีความสุขและไม่สูญเสียแกะมากนัก มีเพียง 11% ที่กล่าวว่า "เป้าหมายของคริสตจักร คือ นำโลกมาถึงพระเยซูคริสต์"

แล้วเมื่อถาม ศิษยาภิบาล ของคริสตจักรเดียวกันว่า คริสตจักรนี้ตั้งขึ้นเพื่ออะไร ผลที่ออกมานั้นตรงกันข้ามอย่างน่าประหลาดใจ จากศิษยาภิบาลที่ตอบคำถามทั้งหมด 90% บอกว่าเป้าหมายของคริสตจักร คือ นำโลกมาหาพระคริสต์และ 10% บอกว่าเพื่อดูแลความต้องการของสมาชิก ไม่ต้องสงสัยว่า ทำไมในปัจจุบันนี้จึงมีการขัดแย้ง ความสับสน และการหยุดชะงักภายในคริสตจักรจำนวนมาก ถ้าศิษยาภิบาลและสมาชิกยังไม่สามารถเห็นพ้องต้องกันในทุกเรื่องย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

คริสตจักรตั้งขึ้นด้วยเหตุผลหลายประการ บางครั้งเหตุผลเหล่านี้ไม่เหมาะสมเช่น เพื่อการแข่งขัน เพื่อความภูมิใจของคณะนิกาย เพื่อต้องการให้ผู้นำยอมรับ หรือเพื่อแรงจูงใจอื่น ๆ ที่ไม่สมควร และถ้าหากพลังขับเคลื่อนเบื้องหลังไม่ถูกต้องตามพระคัมภีร์ สุขภาพและการเติบโตของคริสตจักรนั้นก็จะไม่เกิดอย่างที่พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ คริสตจักรที่แข้งแรงไม่ได้ตั้งอยู่บนรายการ บุคคล หรือเล่ห์กล หากแต่คริสตจักรเหล่านี้ตั้งอยู่บนพระประสงค์นิรันดร์ของพระเจ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น