วันพุธที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2556

บทที่ 6 สื่อสารวัตถุประสงค์ของคุณ

ผู้สื่อสารไม่ดีก็เอาคนจุ่มลงไปในความลำบาท
แต่ทูตที่ซื่อสัตย์นำการรักษามาให้
สุภาษิต 13:17

ในเรื่องราวการสร้างกำแพงเยรูซาเล็มของเนหะมีย์ เราพบว่า เมื่อทำไปได้ครึ่งทาง ประชาชนก็ท้อใจและอยากจะเลิก เช่นเดียวกับหลายคริสตจักร พวกเขาหลงลืมวัตถุประสงค์ และผลก็คือ เขารู้สึกเหนื่อยล้า ผิดหวัง และกลัวจนไปไม่ไหว เนหะมีย์ระดมประชาชนกลับมาทำงานโดยจัดระบบโครงสร้างใหม่ และเน้นให้เห็นนิมิตอีกครั้ง ท่านเตือนพวกเขาถึงความสำคัญของงานที่เขาทำ และให้ความมั่นใจเขาอีกครั้ง ท่านเตือนพวกเขาถึงความสำคัญของงานที่เขาทำ และให้ความมั่นใจเขาอีกครั้งว่า พระเจ้าจะทรงช่วยพวกเขาเพื่อให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จ (เนหะมีย์ 4:6-15) และกำแพงก็สำเร็จใน 52 วัน

แม้ว่ากำแพงนี้ใช้เวลาสร้างเพียง 52 วัน แต่ประชาชนก็ท้อใจเมื่อไปถึงครึ่งทางคือ เพียง 26 วันในโครงการนี้ และเนหะมีย์ต้องทบทวนนิมิตให้พวกเขาอีกครั้ง จากเรื้องนี้เราได้สิ่งที่เรียกว่า "หลักการของเนหะมีย์" คือ นิมิตและเป้าหมายต้องย้ำใหม่ทุก 26 วันเพื่อให้คริสตจักรเคลื่อนไปในทิศทางที่ถูกต้อง พูดอีกอย่างหนึ่งคือ ให้คุณสื่อสารวัตถุประสงค์ของคุณอย่างน้อยเดือนละครั้ง มันช่างน่าประหลาดใจจริง ๆ ที่มนุษย์และคริสตจักรหลงลืมวัตถุประสงค์ได้เร็วจริง ๆ

เมื่อคุณกำหนดวัตถุประสงค์ของคริสตจักรคุณแล้ว คุณต้องอธิบายและสื่อสารวัตถุประสงค์เหล่านี้ให้แก่ทุกคนในคริสตจักรเสมอ มันไม่ใช่สิ่งที่คุณทำครั้งเดียวแล้วก็ลืมไปได้ นี่เป็นความรับผิดชอบที่สำคัญที่สุดในการเป็นผู้นำ ถ้าหากคุณไม่ได้สื่อสารประโยควัตถุประสงค์ของคุณให้แก่สมาชิกของคุณ มันก็เหมือนกับคุณไม่มีประโยควัตถุประสงค์อะไรเลย

วิธีสื่อสารนิมิตและวัตถุประสงค์

มีหลายวิธีในการสื่อสารนิมิต และวัตถุประสงค์ของคริสตจักรคุณ

พระคัมภีร์

สอนความจริงเกี่ยวกับคริสตจักรจากพระคัมภีร์ ผมได้กล่าวแล้วว่า ตำราที่ดีที่สุดเรื่องการเพิ่มพูนคริสตจักร ให้คุณสอนคำสอนหลักข้อเชื่อเรื่องคริสตจักรบ่อย ๆ ด้วยความร้อนรน ให้คุณแสดงให้สมาชิกได้เห็นว่าทุกส่วนของนิมิตคริสตจักรคุณตั้งอยู่บนพระคัมภีร์ โดยการให้ข้อพระคัมภีร์ซึ่งอธิบายและเป็นตัวอย่างการให้เหตุผลของคุณ

สัญลักษณ์

ผู้นำที่ยิ่งใหญ่เข้าใจพลังอันมหาศาลของสัญลักษณ์ และนำมาใช้ คนเรามักต้องการภาพเพื่อช่วยให้เข้าใจแนวคิดต่าง ๆ สัญลักษณ์สามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารที่ทรงพลังเพราะมันดึง้อาความรู้สึกแรงกล้าและอารมณ์ต่าง ๆ ออกมา เช่น คุณอาจโกรธจัดเมื่อเห็นเครื่องหมายสวัสติกะของฮิตเลอร์เขียนอยู่บนกำแพงคริสตจักรคุณขณะที่ธงชาติทำให้เรามีเกียรติและภาคภูมิใจ

เครื่องหมายไม้กางเขนของคริสเตียน ฆ้อนเคียวของคอมมิวนิสต์ และซีกวงเดือนของอิสลามได้พิชิตทวีปต่าง ๆ มาแล้ว ที่แซดเดิลแบ็คเราใช้สัญลักษณ์ 2 อย่าง คือ วงกลม 5 วง และรูปสี่เหลี่ยมของสนามเบสบอล เพื่อให้เห็นภาพของวัตถุประสงค์ของเรา ผมจะอธิบายสิ่งเหล่านี้ใน 2 บทต่อไป

คำขวัญ

คำขวัญ คติพจน์ คำพังเพย และวลีที่มีความหมายจะอยู่ในความทรงจำไปนานหลังจากที่คำเทศนาถูกลืมไปแล้ว เหตุการณ์สำคัญหลายครั้งในประวัติศาสตร์ขึ้นอยู่กับคำขวัญ "นึกถึงอลาโมไว้" (อลาโมเป็นสถานที่ที่ชาวเม็กซิกันเคยยึดและสังหารโหดหมู่ชาวเท็กซัส) "จมเรือบิสมาร์ค" (เรือรบบิสมาร์คของเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่สอง) "ขอเสรีภาพหรือไม่ก็ความตาย" ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์ว่า คำขวัญง่าย ๆ ที่ตอกย้ำด้วยความมุ่งมั่น สามารถกระตุ้นให้คนทำสิ่งที่ตามปกติพวกเขาจะไม่ทำ แม้แต่การยอมตายในสนามรบ

ที่คริสตจักรแซดเดิลแบ็ค เราได้คิดและใช้คำขวัญนับสิบเพื่อย้ำนิมิตของเราคริสตจักร เช่น "สมาชิกทุกคนเป็นผู้รับใช้" "ผู้นำทุกคนคือผู้เรียนรู้" "เรารอดเพื่อรับใช้" "ประเมินผลเพื่อความเป็นเลิศ" "ยอมสละได้ทุกอย่างเพื่อนำคนที่หลงหาย" และยังมีคำขวัญอื่น ๆ อีกมากมาย ผมแบ่งเวลาโดยเฉพาะเพื่อคิดวิธีใหม่ ๆ ในการสื่อสารความคิดดั้งเดิม ในรูปแบบใหม่และกระทัดรัด

เรื่องราว

พระเยซูทรงใช้เรื่องราวง่าย ๆ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจและมีส่วนในนิมิตของพระองค์ มัทธิว 13:34 กล่าวว่า "ข้อความเหล่านี้ทั้งสิ้น พระองค์ตรัสกับหมู่ชนเป็นคำอุปมา (เรื่องราว) และนอกจากคำอุปมาพระองค์มิได้ตรัสกับเขาเลย"

จงใช้เรื่องราวต่าง ๆ เพื่อทำให้วัตถุประสงค์ของคริสตจักรคุณมีชีวิตขึ้นมา ยกตัวอย่างเช่น เมื่อผมพูดเรื่องความสำคัญของการประกาศ ผมจะเล่าเรื่องของสมาชิกคริสตจักรแซดเดิลแบ็คซึ่งได้ประกาศกับเพื่อน และนำพวกเขามาเชื่อพระคริสต์เมื่อเร็ว ๆ นี้ เมื่อผมพูดเรื่องความสำคัญของการสามัคคีธรรม ผมอ่านจดหมายจริงที่ได้รับจากคนซึ่งได้รับการบรรเทาจากความเหงา โดยการเข้าร่วมในคริสตจักรของเรา และเมื่อผมพูดเรื่องความสำคัญของการสร้างสาวก ผมอาจใช้คำพยานที่บอกว่าการเติบโตฝ่ายวิญญาณของสามีภรรยาคู่หนึ่งได้ช่วยชีวิตสมรสของพวกเขาไว้ หรือคนหนึ่งที่แก้ปัญหาส่วนตัวโดยใช้หลักการจากพระคัมภีร์

ที่คริสตจักรแซดเดิลแบ็ค เรามี "ตำนาน" บางเรื่องที่ผมเล่าซ้ำแล้วซ้ำอีก เรื่องเหล่านี้ทำให้เห็นภาพวัตถุประสงค์ของคริสตจักรเราอย่างชัดเจน หนึ่งในเรื่องโปรดของผม คือ เรื่องศิษยาภิบาลฆราวาส 5 คนที่ไปเยี่ยมคนป่วยก่อนผม เขาต่างคนต่างไป และเมื่อผมไปถึงที่นั่น พยาบาลไม่ยอมให้ผมพบคนไข้เพราะว่า "มีศิษยาภิบาลมาเยี่ยมเขามากเกินไปแล้ว" ผมอวดเรื่องศิษยาภิบาล 5 คนนี้ตั้งแต่นั้นมา คนมักจะทำสิ่งที่ได้รับรางวัล ดังนั้นให้สมาชิกคริสตจักรคุณเป็นวีรบุรุษเมื่อพวกเขาทำงานของคริสตจักร จงเล่าเรื่องของพวกเขา

สิ่งที่เจาะจงและชัดเจน

ให้คุณบอกขั้นตอนที่ทำได้จริง ชัดเจนเป็นรูปธรรม ซึ่งอธิบายว่าคริสตจักรของคุณจะทำให้วัตถุประสงค์ต่าง ๆ สำเร็จได้อย่างไร ให้คุณบอกแผนการที่ลงรายละเอียดเพื่อจะทำตามวัตถุประสงค์ของคุณ ให้คุณวางแผนรายการ ลงตารางเวลา ใช้อาคารและจ้างเจ้าหน้าที่ เพื่อวัตถุประสงค์แต่ละอย่าง สิ่งเหล่านี้คือเรื่องเจาะจงที่สมาชิกสนใจ

พึงระลึกว่า ไม่มีนิมิตใดเป็นจริงได้จนกว่านิมิตนั้นถูกเจาะจงอย่างชัดเจน เมื่อนิมิตคุลมเคลือ มันขาดแรงดึงดูด แต่ยิ่งนิมิตของคริสตจักรคุณเจาะจงมากเท่าใด มันก็จะยิ่งดึงดูดความสนใจและการอุทิศชีวิตเท่านั้น วิธีการที่เฉพาะเจาะจงที่สุดในการสื่อสารวัตถุประสงค์ คือ การประยุกต์ใช้วัตถุประสงค์เหล่านั้นในชีวิตส่วนตัวของสมาชิกแต่ละคน

ทำให้เป็นวัตถุประสงค์ส่วนตัว

ในการสื่อสารวัตถุประสงค์ของคริสตจักรนั้นสิ่งสำคัญที่สุด คือ คุณต้องทำให้มันเป็นวัตถุประสงค์ส่วนตัวของคุณ วิธีที่ทำให้เป็นวัตถุประสงค์เป็นส่วนตัว คือ ทำให้เห็นว่า วัตถุประสงค์แต่ละอย่างนั้น มีทั้งสิทธิพิเศษและความรับผิดชอบควบคู่กันไป ในโคโลสี 3:15 ตามคำแปลฉบับลิฟวิ่ง ไบเบิลกล่าวว่า "นี่คือความรับผิดชอบและสิทธิพิเศษของท่านในฐานะอวัยวะในพระกายของพระองค์" การเป็นสมาชิกมีทั้งความรับผิดชอบและสิทธิพิเศษ ผมพยายามทำให้วัตถุประสงค์ของคริสตจักรเราเป็นเรื่องส่วนตัวโดยการทำให้เห็นว่า สิ่งเหล่านี้เป็นความรับผิดชอบของเราแต่ละคนที่จะทำให้สำเร็จและยังเป็นสิทธิพิเศษที่เราจะชื่นชม

วัตถุประสงค์ของคริสตจักรสามารถทำให้เป็นส่วนตัว โดยถือว่าพระประสงค์ทั้ง 5 ประการนี้มีไว้สำหรับผู้เชื่อทุกคน พระประสงค์เหล่านี้แสดงออกถึงสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราแต่ละคนทำเมื่อเรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้

ความรับผิดชอบของผมในฐานะผู้เชื่อ

พระเจ้าต้องการให้ผมเป็นสมาชิกในครอบครัวของพระองค์ นี่คือวัตถุประสงค์ของการสามัคคีธรรมที่พูดในแบบส่วนตัว พระคัมภีร์กล่าวชัดเจนมากว่า การติดตามพระคริสต์ไม่ใช่เป็นเรื่องของการเชื่อเท่านั้น มันรวมถึงการเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักร ชีวิตคริสเตียนไม่ใช่การแสดงเดี่ยว เราต้องใช้ชีวิตสัมพันธ์ต่อกันและกัน 1 เปโตร 1:3 ฉบับลิฟวิ่ง ไบเบิล กล่าวว่า "พระองค์ทรงประทานสิทธิพิเศษของการบังเกิดใหม่แก่เรา เพื่อว่าบัดนี้เราจึงเป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า" พระเจ้าประทานคริสตจักรเป็นครอบครัวฝ่ายวิญญาณของเรา เพื่อประโยชน์ของเราเอง เอเฟซัส 2:19 ในฉบับลิฟวิ่ง ไบเบิล กล่าวว่า "…ท่านเป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า… และท่านอยู่ในครอบครัวของพระเจ้าร่วมกับคริสเตียนอื่น ๆ ทุกคน"

พระเจ้าต้องการให้ผมเป็นแบบจำลองพระลักษณะของพระองค์ นี่คือวัตถุประสงค์ของการสร้างสาวกที่พูดในแบบส่วนตัว พระองค์ต้องการให้ผู้เชื่อทุกคนเติบโตขึ้นและมีลักษณะเหมือนพระคริสต์ การเป็นเหมือนพระคริสต์ คือ นิยามตามพระคัมภีร์ของ "การเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ" พระเยซูทรงกำหนดรูปแบบเพื่อให้พวกเราเดินตาม "เพราะว่าพระคริสต์ก็ได้ทรงทนทุกข์ทรมานเพื่อท่านทั้งหลาย ให้เป็นแบบอย่างแก่ท่าน เพื่อท่านจะได้ดำเนินตามรอยพระบาทของพระองค์" (1 เปโตร 2:21)

ใน 1 ทิโมธี 4:12 เปาโลพูดเจาะจงมีหลายด้านที่เราต้องเป็นแบบจำลองพระลักษณะของพระคริสต์ "จงเป็นแบบอย่างแก่คนที่เชื่อทั้งปวง ทั้งในทางวาจาและการประพฤติ ในความรัก ในความเชื่อ และในความบริสุทธิ์" สังเกตว่าการเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้วัดกันที่ความรู้ แต่วัดที่การดำเนิดชีวิต เป็นไปได้ที่คนอาจรู้พระคัมภีร์อย่างดี แต่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่

พระเจ้าต้องการให้ผมเป็นผู้รับใช้ในพันธกิจแห่งพระคุณของพระองค์ ความรับผิดชอบที่ 3 ของคริสเตียนทุกคน นั่นคือ การทำให้วัตถุประสงค์แห่งการรับใช้เป็นวัตถุประสงค์ส่วนตัว พระเจ้าคาดหวังให้เราใช้ของประทาน ความสามารถพิเศษ และโอกาสที่พระองค์ประทานแก่เรา เพื่อทำประโยชน์แก่คนอื่น 1 เปโตร 4:10 กล่าวว่า "ตามที่ซึ่งทุกคนได้รับของประทานที่ทรงประทานให้แล้ว ก็ให้ใช้ของประทานนั้นเพื่อประโยชน์แก่กันและกัน เป็นผู้รับมอบฉันทะที่ดีที่แจก และสำแดงพระคุณนานาประการของพระเจ้า"

พระเจ้าประสงค์ให้คริสเตียนทุกคนมีงานรับใช้อย่างหนึ่ง ที่คริสตจักรแซดเดิลแบ็ค เวลาเราเป็นพยานกับคนไม่เชื่อ เรากล่าวถึงความคาดหวังนี้ชัดมาก เราไม่ได้ "วางเบ็ดล่อ" ผมบอกคนไม่เชื่อว่า "เมื่อคุณมอบชีวิตของคุณต่อพระคริสต์ คุณกำลังลงนามเพื่อทำงานรับใช้ในพระนามของพระองค์ตลอดชีวิตที่เหลือของคุณ ซึ่งนั่นคือจุดประสงค์ที่พระเจ้าสร้างคุณมา" เอเฟซัส 2:10 กล่าวว่า "เพราะว่าเราเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ ที่ทรงสร้างขึ้นในพระเยซูคริสต์เพื่อให้ประกอบการดี ซึ่งพระเจ้าได้ทรงดำริไว้ล่วงหน้าเพื่อให้เรากระทำ"

พระเจ้าต้องการให้ผมเป็นผู้นำข่าวแห่งความรักของพระองค์ นี่คือการทำให้วัตถุประสงค์ของคริสตจักรในการประกาศเป็นวัตถุประสงค์ส่วนตัว หน้าที่ส่วนหนึ่งของคริสเตียน คือ เมื่อเราได้บังเกิดใหม่แล้ว เรากลายเป็นผู้นำข่าวดีของพระเจ้าไปสู่คนอื่น เปาโลกล่าวว่า "แต่ข้าพเจ้าขอทำหน้าที่ให้สำเร็จก็แล้วกัน และทำการปรนนิบัติที่ได้รับมอบหมายจากพระเยซูเจ้า คือที่จะเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐซึ่งสำแดงพระคุณของพระเจ้านั้น" (กิจการ 20:24) นี่คือความรับผิดชอบสำคัญอย่างหนึ่งของคริสเตียนทุกคน 2 โครินธ์ 5:19-20 กล่าวว่า "คือพระเจ้าได้ทรงทำให้โลกนี้คืนดีกับพระองค์โดยพระคริสต์ มิได้ทรงถือโทษในการผิดของเขา และทรงมอบเรื่องการคืนดีกันนั้นให้เราประกาศ ฉะนั้นเราจึงเป็นทูตของพระคริสต์ โดยที่พระเจ้าทรงขอร้องท่านทั้งหลายทางเรา เราจึงขอร้องท่านในนามของพระเยซูคริสต์ให้คืนดีกันกับพระเจ้า" เราต้องขอร้องให้คนไม่เชื่อรับความรักที่พระองค์หยิบยื่นให้ คือ การคืนดีกับพระเจ้า

คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่า ทำไมพระเจ้าทรงปล่อยเราไว้ในโลกที่มีความเจ็บปวดความโศกเศร้า และความบาปหลังจากที่เราได้ต้อนรับพระคริสต์แล้ว ทำไมพระองค์ไม่รับเราไปสวรรค์ทันทีและให้เราพ้นจากสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ยิ่งกว่านั้น เราสามารถนมัสการ สามัคคีธรรม อธิษฐาน ร้องเพลง ฟังพระวจนะของพระเจ้า และสนุกสนานในสวรรค์ได้ ที่จริง มีเพียง 2 สิ่งที่คุณทำไม่ได้ในสวรรค์ คือความบาป และการเป็นพยานกับคนไม่เชื่อ ผมถามสมาชิกคริสตจักรเราว่า เขาคิดว่าพระองค์ให้เราอยู่ในโลกเพื่อทำอย่างไหนในสองสิ่งนี้ ในโลกนี้เราต่างก็มีภาระกิจ ปละส่วนหนึ่งของภารกิจคือการบอกคนอื่นถึงพระคริสต์

พระเจ้าต้องการให้ผมเป็นผู้ที่ยกย่องพระนามของพระองค์ สดุดี 34:3 "เชิญยอพระเกียรติพระเจ้าพร้อมกับข้าพเจ้า ให้เราสรรเสริฐพระนามพระองค์ด้วยกัน" เราต่างมีความรับผิดชอบส่วนตัวในการนมัสการพระเจ้า พระบัญญัติข้อแรก คือ "อย่ามีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา" (อพยพ 20:3) เราแต่ละคนเกิดมาพร้อมกับความต้องการที่จะนมัสการ ถ้าเราไม่นมัสการพระเจ้า เราก็จะหาสิ่งอื่นเพื่อนมัสการ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพ ครอบครัว เงิน กีฬาหรือแม้แต่ตัวเอง

สิทธิพิเศษของผมในฐานะผู้เชื่อ

ขณะที่คริสตจักรต้องรับผิดชอบในการทำให้วัตถุประสงค์ทั้ง 5 ของคริสตจักรเป็นความรับผิดชอบของสมาชิกทุกคน คริสตจักรก็ยังให้ผลประโยชน์ทั้งฝ่ายวิญญาณอารมณ์ และความสัมพันธ์แก่สมาชิกด้วย ที่จริงแล้วคริสตจักรให้สิ่งที่เขาไม่สามารถหาได้จากที่อื่นในโลก การนมัสการช่วยให้คนจดจ่อกับพระเจ้า การสามัคคีธรรมช่วยพวกเขาในการเผชิญปัญหาชีวิต การสร้างสาวกช่วยให้พวกเขามีความเชื่อมั่นคง การรับใช้ช่วยให้พวกเขาพบความสามารถพิเศษของตน และการประกาศช่วยให้พวกเขาทำให้ภารกิจของตนสำเร็จ

กล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีก

อย่าคิดว่า คำเทศนาเรื่องวัตถุประสงค์ของคริสตจักรเพียงหนึ่งครั้งจะกำหนดทิศทางของคริสตจักรคุณได้ถาวร อย่าคิดว่า พอพิมพ์วัตถุประสงค์ลงในสูจิบัตรแล้ว ทุกคนก็จะจำได้หรืออ่าน กฏการโฆษณาที่รู้จักกันคือ ต้องสื่อสารข้อความ 7 ครั้งคนจึงจะเข้าใจจริง ๆ

ที่คริสตจักรแซดเดิลแบ็ค เราทำทุกอย่างและทุกช่องทางที่เราสามารถคิดได้เพื่อให้วัตถุประสงค์ของเราปรากฏอยู่ต่อหน้าสมาชิกเสมอ ผมได้กล่าวแล้วว่า เราสื่อสารวัตถุประสงค์และนิมิตของเราทุกเดือนในชั้นเรียนสมาชิกใหม่ ตามปกติ ทุกปีในเดือนมกราคม ผมจะเทศนาประจำปีเรื่อง "สภาพของคริสตจักร" ซึ่งมักเป็นการทบทวนวัตถุประสงค์ทั้ง 5 ประการของเรา ด้วยเนื้อหาที่เหมือนกันทุกปี แต่ว่าเปลี่ยนตัวอย่างใหม่ให้ทันสมัย

ศิษยาภิบาลมากมายยังไม่เข้าใจพลังของธรรมาสน์ ที่เปรียบเสมือนหางเสือเรือใช้ในการกำหนดทิศทางของคริสตจักร ไม่ว่าคุณจะจงใจหรือไม่ก็ตาม หากคุณเป็นศิษยาภิบาล จงใช้ธรรมาสน์ด้วยความจงใจในแต่ละสัปดาห์ เวลาที่คุณเทศนาเป็นเวลาที่ทุกคนจะหันมาสนใจคุณ จงมองหาโอกาสที่จะกล่าวซ้ำ ๆ ในทำนองนี้ว่า "และนี่คือเหตุผลที่คริสตจักรดำรงอยู่" อย่ากลัวที่จะกล่าวซ้ำ ๆ เพราะว่าไม่มีใครเข้าใจในครั้งแรก ผมเรียกการกล่าวซ้ำ ๆ ในรูปแบบใหม่ว่า "ความซ้ำซากที่สร้างสรรค์"

ในหน้าถัดไป คุณจะพบตารางซึ่งทำให้เห็นหลายแง่มุมของสิ่งที่ผมได้เสนอว่าเป็นวัตถุประสงค์ของคริสตจักร ขอให้ใช้โครงสร้างนี้โดยไม่ต้องลำบากใจ เพราะผมพูดเรื่องเดียวกันแต่ในวิธีที่ต่างกัน

นอกเหนือจากการสื่อสารวัตถุประสงค์ของเราผ่านคำเทศนา และการสอนแล้วเรายังใช้แผ่นพับ ป้าย บทความ จดหมายข่าว สูจิบัตร วีดิโอ และเทป และเราแต่งเพลงด้วย ตรงทางเข้าห้องนมัสการเราติดวัตถุประสงค์ และข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ทุกคนที่เดินเข้าไปได้อ่าน เราเชื่อว่า เมื่อเรากล่าวย้ำสิ่งเดียวกันในวิธีที่แตกต่าง หนึ่งในวิธีเหล่านี้จะจับความสนใจของทุกคน หลังจากทุกครั้งที่เราสื่อสารวัตถุประสงค์เหล่านี้ด้วยวิธีใหม่ ก็จะมีบางคนพูดว่า เขาเพิ่งจะเข้าใจเป็นครั้งแรก เป้าหมายของเราคือ ให้สมาชิกทุกคนสามารถอธิบายวัตถุประสงค์ของเราแก่คนอื่น

เมื่อเวลาผ่านไป นิมิตของทุกคริสตจักรจะเลือนหายถ้าไม่มีการย้ำเตือน นี่เป็นเพราะสิ่งอื่น ๆ ดึงให้คนหันเหไป จงย้ำวัตถุประสงค์ของคุณบ่อย ๆ สอนพวกเขาซ้ำ ๆ ใช้สื่อทุกอย่างที่คุณใช้ได้เพื่อให้มันปรากฏต่อหน้าสมาชิก เมื่อคุณกระพือไฟแห่งวัตถุประสงค์ให้ลุกโชนอยู่เสมอ คุณก็จะสามารถเอาชนะความโน้มเอียงที่ทำให้คริสตจักรเฉยเมย หรือท้อถอย จงระลึกถึงหลักการของเนหะมีย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น