ขอให้ท่านปรองดองกัน อย่าถือพวกถือคณะ
แต่ขอให้ท่านเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
1 โครินธ์ 1:10
ครั้งหนึ่งขณะที่ผมเป็นนักศึกษาพระคริสคตธรรมในรัฐเท็กซัส ผมตกลงที่จะช่วยผู้นำบางคนในคริสตจักรใหญ่แห่งหนึ่งประเมินผลรายการทั้งหมดของคริสตจักร คริสตจักรแห่งนี้เคยเข้มแข็ง และเป็นพยานที่ยอดเยี่ยมเพื่อพระคริสต์ในอดีตแถมมีชื่อเสียงดีในประวัติศาสตร์ ผมหวั่น ๆ เล็กน้อยเมื่อขับรถเข้าไปยังตึกใหญ่ที่ก่อด้วยอิฐสีแดงเพื่อทำหน้าที่ที่ปรึกษาคริสตจักรเป็นครั้งแรก ห้องประชุมใหญ่นั้นเต็มไปด้วยภาพของบรรดาบุรุษที่เคยเป็นศิษยาภิบาลคริสตจักรนี้ใน 100 ปีที่ผ่านมา นี่เป็นคริสตจักรที่มีประวัติศาสตร์จริง ๆ
เมื่อเรานั่งประชุมกันครั้งแรก ผมถามกลุ่มผู้นำว่า "คุณรู้สึก อย่างไรเกี่ยวกับคริสตจักรของคุณ" คำตอบส่วนใหญ่แสดงถึงความพึงพอใจอย่างสงบ คนหนึ่งสรุปโดยกล่าวว่า "เรามีคริสตจักรที่ ดีที่เดียว" แต่เมื่อผมเจาะลึกลงไปก็พบว่า นี่คือคริสตจักรที่ตายสนิทที่เดียว แม้ว่าคริสตจักรจะมีหลักศาสนศาสตร์ถูกต้อง แต่ไม่มีเหตุการณ์ที่มีความหมายฝ่ายวิญญาณเกิดขึ้นที่นั่น พวกเขาจ่ายเงินค่าอาคารไปหมดแล้ว และผู้นำคริสตจักรก็กลายเป็นคนเกียจคร้านและเฉื่อยชา พวกเขาเป็นเหมือนที่ผู้เผยพระวจนะอาโมสเรียกว่า "เอกเขนกอยู่ในศิโยน" และโรค "เอกเขนก" ของพวกเขาก็กำลังฆ่าคริสตจักรอย่างช้า ๆ และเนื่องจากเขาจ้างผมให้เป็นแพทย์ของพวกเขา ผมจึงสั่งยาแบบง่าย ๆ นั่นคือให้ค้นหาจุดมุ่งหมายอีกครั้ง
นำคริสตจักรของคุณ
ในการกำหนดวัตถุประสงค์
การนำคริสตจักรของคุณให้ค้นพบวัตถุประสงค์ตามพระคัมภีร์ใหม่ เป็นการผจญภัยที่น่าตื้นเต้น อย่าเร่งรีบผ่านกระบวนการนี้ และอย่าทำลายความชื่นชมยินดีในการค้นพบนี้ โดยการบอกทุกคนว่าวัตถุประสงค์เหล่านี้คืออะไรในการเทศนาเพียงครั้งเดียว ผู้นำที่ดีย่อมเข้าใจว่า คนจะเห็นด้วยทางความคิดและคำพูดในสิ่งที่เขาได้ฟังแต่พวกเขาจะยึดถือด้วยความเชื่อมั่นในสิ่งที่เขาได้ค้นพบด้วยตัวเอง คุณกำลังสร้างรากฐานสำหรับสุขภาพและการเติบโตในระยะยาว
มันน่าตื่นเต้นมากที่เห็นสมาชิกที่เฉยชาเปลี่ยนเป็นคนกระตือรือร้นเมื่อพวกเขาค้นพบว่า พระเจ้าต้องการใช้พวกเขาและคริสตจักรข งพวกเขา ต่อไปผมจะอธิบายถึงสี่ขั้นตอนของการนำคริสตจักรของคุณในการกำหนดวัตถุประสงค์ หรือกำหนดวัตถุประสงค์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ศึกษาว่าพระคัมภีร์พูดอย่างไร
เริ่มต้นโดยให้สมาชิกของคุณศึกษาพระคัมภีร์ตอนที่เกี่ยวกับคริสตจักร ก่อนจะเริ่มต้นคริสตจักรแซดเดิลแบ็ค ผมใช้เวลา 6 เดือนศึกษาพระคัมภีร์ส่วนตัวในเรื่องเกี่ยวกับคริสตจักรอย่างละเอียด โดยใช้วิธีการที่ผมบรรยายไว้ในหนังสือของผมที่ชื่อว่า Dynamic Bible Study Methods (วิธีการศึกษาพระคัมภีร์อย่างมีพลัง - สำนักพิมพ์ Victor Books, 1980) และช่วงเดือนแรก ๆ ของคริสตจักรใหม่ ผมก็นำสมาชิกใหม่ศึกษาเรื่องเดียวกันนี้ เราศึกษาพระคัมภีร์ทุกตอนที่เกี่ยวกับคริสตจักร
พระคัมภีร์บางตอนที่คุณอาจต้องการใช้ในการศึกษาของคุณคือ มัทธิว 5:13-16, 9:35, 11:28-30, 16:15-19, 18:19-20, 22:36-40, 24:14, 25:34-40, 28:18-20, มาระโก 10:43-45, ลูกา 4:18-19, 4:43-45, ยอห์น 4:23, 10:14-18, 13:34-35, 20:21 กิจการ 1:8, 2:41-47, 5:42, 6:1-7, โรม 12:1-8, 15:1-7, 1 โครินธ์ 12:12-31, 2 โครินธ์ 5:17-6:1, กาลาเทีย 5:13-15, 6:1-2, เอเฟซัส 1:22-23, 2:19-23, 3:6, 3:14-21, 4:11-16, 5:23-24, โคโลสี 1:24-28, 3:15-16, 1 เธสะโลนิกา 1:3, 5:11, ฮีบรู 10:24-25, 13:7, 17, 1 เปโตร 2:9-10, 1 ยอห์น 1:5-7, 4:7-21
จีน มิมส์ได้เขียนหนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่ยอดเยี่ยมชื่อว่า Kingdom Principles for Church Growth (หลักการแห่งอาณาจักรของพระเจ้าสำหรับการเพิ่มพูนคริสตจักร - สำนักพิมพ์ Convention Press) ซึ่งสามารถใช้ศึกษาร่วมกันกันทั้งคริสตจักรในเรื่องวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ของคริสตจักร เมื่อคุณนำคริสตจักรของคุณในการศึกษามีหลายหัวข้อที่คุณควรพิจารณา คือ
๐ พิจารณาพันธกิจของพระเยซูในโลกนี้ ให้คุณถามว่า "พระเยซูทรงทำอะไรเมื่อพระองค์อยู่ในโลกนี้ พระองค์จะทรงทำอะไรถ้าพระองค์อยู่ที่นี้วันนี้ อะไรก็ตามที่พระเยซูทรงกระทำเมื่อทรงอยู่ในโลก เราก็ต้องทำต่อไป องค์ประกอบต่าง ๆ ของพันธกิจของพระคริสต์ควรจะเห็นได้ชัดในคริสตจักรของพระองค์ในปัจจุบันสิ่งใดก็ตามที่พระองค์ทรงทำขณะที่ทรงเป็นมนุษย์ พระองค์็ต้องการทำสิ่งนั้นต่อไปในพระกายฝ่ายวิญญาณของพระองค์ คือ คริสตจักร
๐ ดูที่ภาพลักษณ์หรือชื่อคริสตจักร พระคัมภีร์ใหม่เปรียบเทียบคริสตจักรกับหลายสิ่ง เช่น ร่างกาย เจ้าสาว ครอบครัว ฝูงแกะ ชุมชน และกองทัพ แต่ละภาพสักษณ์สัมพันธ์ลึกซึ้งต่อสิ่งที่คริสตจักรควรจะเป็น และสิ่งที่คริสตจักรควรจะทำ
๐ ดูที่ตัวอย่างคริสตจักรในพระคัมภีร์ใหม่ ให้ถามว่า "คริสตจักรยุคแรกทำอะไร" พระคัมภีร์ให้หลาย ๆ ตัวอย่างแก่เรา คริสตจักรที่เยรูซาเล็มต่างจากคริสตจักรทีโครินธ์มาก คริสตจักรที่ฟีลิปปีก็ต่างจากคริสตจักรเธสะโลนิกามาก ให้ศึกษาคริสตจักรท้องถิ่นแต่ละแห่งในพระคัมภีร์ใหม่ รวมถึงคริสตจักรที่ 7 ในวิวรณ์ด้วย
๐ ดูที่พระบัญชาของพระคริสต์ให้ถามว่า "พระเยซูบัญชาให้เราทำอะไร" ในมัทธิว 16:18 พระเยซูตรัสว่า "เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้" แน่นอน พระองค์ทรงมีวัตถุประสงค์เจาะจงอยู่แล้ว หน้าที่ของเราไม่ใช่การ สร้าง วัตถุประสงค์ของคริสตจักร แต่เป็นการค้นหาวัตถุประสงค์เหล่านั้น
พึงระลึกว่า นี่เป็นคริสตจักรของพระคริสต์ ไม่ใช่ของเรา พระเยซูทรงตั้งคริสตจักร สิ้นพระชนม์เพื่อคริสตจักร และประทานพระวิญญาณของพระองค์มายังคริสตจักร และวันหนึ่งจะทรงกลับมารับคริสตจักรของพระองค์ ในฐานะที่พระองค์เป็นเจ้าของคริสตจักร พระองค์ได้กำหนดวัตถุประสงค์ไว้แล้ว และเราไม่อาจต่อรองเรื่องวัตถุประสงค์เหล่านี้ได้
หน้าที่ของเรา คือ เข้าใจวัตถุประสงค์ที่พระคริสต์ทรงมีต่อคริสตจักร และปฏิบัติตามนั้น แม้ว่ารายการจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่วัตถุประสงค์เหล่านี้ไม่เคยเปลี่ยน เราอาจจะเริ่มต้นพันธกิจในรูปแบบ ใหม่ แต่เราต้องไม่เปลี่ยน เนื้อแท้ของมัน
หาคำตอบสำหรับ 4 คำถามนี้
เมื่อคุณทบทวนสิ่งที่พระคัมภีร์สอนเรื่องคริสตจักร ให้คุณมองหาคำตอบสำหรับคำถามข้างล่างนี้ เมื่อคุณรวบรวมความคิดเป็นคำตอบ ให้คุณจดจ่อทั้งด้านลักษณะ และภารกิจ ของคริสตจักร
1. คริสตจักรดำรงอยู่เพื่ออะไร
2. ในฐานะคริสตจักร เราต้องเป็นอย่างไร
3. ในฐานะคริสตจักร เราต้องทำอะไร
4. เราจะต้องทำอย่างไร (ด้วยวิธีใด)
เขียนสิ่งที่คุณพบลงบนกระดาษ
เขียนทุกสิ่งที่คุณเรียนรู้จากการศึกษาของคุณ ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเขียนให้กระชับ ให้คุณเขียนทุกอย่างที่คิดว่าจำเป็นต้องพูดถึงเกี่ยวกับลักษณะ และวัตถุประสงค์ของคริสตจักร ช่วงปีแรกที่เราทำสิ่งนี้ในคริสตจักรแซดเดิลแบ็ค ผมใช้กระดาษแผ่นใหญ่ และปากกาเคมีเขียนทุกอย่างที่เราพบจาการศึกษา แล้วเราพิมพ์ทุกสิ่งที่เราเขียนบนกระดาษแผ่นใหญ่ ผลลัพธ์คือ เราได้เอกสารหนาสิบหน้าที่บรรจุความเข้าใจเกี่ยวกับคริสตจักร
อย่าเพิ่งพยายามเขียนประโยควัตถุประสงค์ในเวลานี้ แต่ให้รวบรวมข้อมูลอย่างเดียวก่อน การเรียนรู้และการย่อให้สั้นนั้นทำได้ง่ายกว่าการคิดขึ้นมาใหม่ ให้คุณจดจ่อเพียงแค่การกล่าวถึงวัตถุประสงค์ทุกประการอย่างชัดเจน ผมต้องการเน้นอีกครั้งสำหรับศิษยาภิบาลว่า อย่ารีบร้อนกระบวนนี้ คุณกำลังสร้างรากฐานที่จะต้องรองรับสิ่งอื่น ๆ ทั้งหมดที่คุณจะทำในอนาคต แม้ว่า คุณ รู้วัตถุประสงค์จากพระคัมภีร์ใหม่อยู่แล้ว แต่ยังจำเป็นที่สมาชิกของคุณจะต้องพิจารณาทุกสิ่งที่พระคัมภีร์กล่าวถึงเกี่ยวกับคริสตจักร และเขียนคำสรุปของพวกเขาเอง
ย่อบทสรุปของคุณให้เป็นประโยคเดียว
ในที่สุด เราก็กลั่นกรองความเข้าใจที่เรารวบรวมจากการศึกษาพระคัมภีร์ให้เหลือประโยคเดียว ซึ่งสรุปสิ่งที่เราเชื่อว่าเป็นวัตถุประสงค์ของคริสตจักรตามพระคัมภีร์ นั่นคือสิ่งที่คุณก็ต้องทำด้วย ประการแรก ให้คุณย่อสิ่งที่คุณค้นพบเกี่ยวกับคริสตจักรโดยการจับกลุ่มแนวคิดที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งอยู่ในหัวข้อใหญ่เดียวกัน เช่น การประกาศ การนมัสการ การสามัคคีธรรม การเติบโตฝ่ายวิญญาณ และการรับใช้ ต่อจากนั้น ให้พยายามเขียนหัวข้อใหญ่เหล่านี้ทั้งหมดลงในย่อหน้าเดียว แล้วเริ่มตัดคำและวลีที่ไม่จำเป็นเพื่อลดย่อหน้านั้นให้เหลือประโยคเดียว
การย่อประโยควัตถุประสงค์ของคุณให้เหลือเพียงประโยคเดียวเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ทำไมเหรอครับ ก็เพราะมันจะมีค่าน้อยนิดถ้าหากคนจดจำมันไม่ได้ ดอว์สัน ทรอนแมนเคยพูดว่า "ความคิดคลี่คลายตัวมันเองผ่านทางปากกาและนิ้วมือ" กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ถ้าคุณสามารถ พูดและเขียน มันออกมาได้ ก็หมายความว่าคุณได้คิดมันอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว แต่ถ้าคุณยังไม่ได้เขียนวัตถุประสงค์ของคุณลงบนกระดาษ ก็แสดงว่าคุณยังคิดไม่ตก
ครั้งหนึ่ง ฟรานซิส เบคอนนักเขียนชาวอังกฤษกล่าวว่า "การอ่านทำให้เป็นคนรอบรู้ แต่การเขียนทำให้เป็นคนแม่นยำ" เมื่อถึงเวลาที่ต้องสื่อสารวัตถุประสงค์ของคริสตจักร เราต้องพูดชัดถ้อยชัดคำที่สุดเท่าที่จะทำได้
ประโยควัตถุประสงค์ที่มีประสิทธิภาพ
มีลักษณะอย่างไร
ถูกต้องตามพระคัมภีร์
ประโยควัตถุประสงค์ที่มีประสิทธิภาพแสดงถึงคำสอนในพระคัมภีร์ใหม่เรื่องคริสตจักร เราไม่ได้ตัดสินใจเรื่องวัตถุประสงค์ของคริสตจักร แต่เรา ค้นหา วัตถุประสงค์เหล่านี้ พระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักรของพระองค์ พระองค์ได้ทรงกำหนดวัตถุประสงค์ไว้นานแล้ว ดังนั้น คริสตจักรแต่ละยุคต้องยืนยันวัตถุประสงค์เหล่านี้ซ้ำอีก
เจาะจง
ประโยควัตถุประสงค์ต้องง่ายและชัดเจน จ้อผิดพลาดใหญ่ที่สุดที่อาจเกิดขึ้นในการคิดประโยควัตถุประสงค์ คือ การพยายามอัดเนื้อหามากเกินไป สิ่งที่ไม่น่าทำคือ การใส่ทุกสิ่งที่ดีแต่ไม่จำเป็นลงไปในประโยค เนื่องจากกลัวว่าจะขาดสิ่งสำคัญบางประการ แต่ยิ่งคุณเพิ่มเข้าไป มันก็ยิ่งกระเจิดกระเจิง และยิ่งยากที่จะทำให้สำเร็จ
ภารกิจที่แคบ คือ ภารกิจที่ชักเจน เป้าหมายของดิสนีย์แลนด์ คือ "ให้ความสุขแก่ประชาชน" ภารกิจดั้งเดิมของซัลเวชั่นอาร์มี่ คือ "ทำให้คนที่ถูกปฏิเสธได้เป็นพลเมือง" ประโยควัตถุประสงค์หลาย ๆ ประโยคคลุมเคลือมาก และไม่มีอิทธิพลใด ๆ เลย ไม่มีสิ่งใดที่จะมีพลังได้จนกว่ามันจะถูกเจาะจง ประโยควัตถุประสงค์ของบางคริสตจักรกล่าวว่า "คริสตจักรของเราอยู่เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า" แน่นอนสิครับ มันต้องเป็นเช่นนั้น แต่ว่าคุณจะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จได้ อย่างไร
ประโยควัตถุประสงค์ที่เจาะจงจะบังคับให้คุณใช้พลังงานมุ่งไปที่จุดเดียว อย่าเขียนวกวนเพราะประเด็นผิวเผิน ให้คุณถามคำถามว่า "มีไม่กี่สิ่งที่ก่อให้เกิดอิทธิพลเพื่อพระคริสต์มากที่สุดในโลกของเรา และอะไรคือสิ่งเหล่านั้น เราสามารถทำอะไรที่คริสตจักรเท่านั้นทำได้"
ถ่อยทอดได้
ประโยควัตถุประสงค์ซึ่งถ่ายทอดได้ต้องสั้นพอที่จะจดจำและบอกต่อกับทุกคนในคริสตจักรของคุณ ยิ่งสั้นยิ่งดี แม้ว่าประโยควัตถุประสงค์ของคริสตจักรที่เชื่อตามพระคัมภีร์จะครอบคลุมถึงองค์ประกอบเดียวกัน แต่ไม่มีอะไรห้ามคุณไม่ให้เขียนมันในลักษณะที่สดใหม่และสร้างสรรค์ และพยายามทำให้จดจำได้ง่าย
ในฐานะศิษยาภิบาล ผมไม่อยากจะยอมรับเรื่องนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า คนไม่จำคำเทศนาหรือสุนทรพจน์ แม้แต่ย่อหน้าเขาก็จำไม่ได้ แต่สิ่งที่คนจำได้ คือ ประโยคง่าย ๆ คำขวัญและวลี ผมจำสุนทรพจน์ของจอร์น เอฟ เคนเนดี้ไม่ได้เลย แต่ผมจำประโยคของท่านได้ว่า "อย่าถามว่าประเทศชาติจะให้อะไรเพื่อคุณ ปต่จงถามว่า คุณจะทำอะไรเพื่อประเทศชาติ" และผมก็จำคำเทศนาของ ดร. มาร์ติน ลูเธอร์ คิง ไม่ได้เลย แต่ผมจำวลีอันมีชื่อของท่านได้ว่า "ผมมีความฝัน"
วัดได้
คุณสามารถมองดูประโยควัตถุประสงค์ของคุณและประเมินว่าคริสตจักรคุณกำลังทำตามนั้นอยู่หรือไม่ เมื่อถึงสิ้นปีคุณจะสามารถ พิสูจน์ ว่าคุณทำสำเร็จได้หรือไม่ คุณจะไม่สามารถวัดประสิทธิภาพของคริสตจักรคุณ ยกเว้นว่าภารกิจของคุณสามารถวัดได้
ประโยควัตถุประสงค์ที่ดีเยี่ยม จะให้มาตรฐานที่เจาะจง ซึ่งทำให้คุณสามารถทบทวน แก้ไข และปรับปรุงสิ่งที่คริสตจักรทำอยู่ ถ้าคุณต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ ต้องทำให้วัดได้ไม่เช่นนั้นประโยควัตถุประสงค์ของคุณก็เป็นเพียงเพื่อการประชาสัมพันธ์เท่านั้น
ข้อพระคัมภีร์สำคัญสองตอน
ในเดือนแรก ๆ ของคริสตจักรแซดเดิลแบ็ค ผมนำคริสตจักรใหม่ของเราตามกระบวนการที่ผมได้อธิบายกับคุณแล้ว ในที่สุด เราสรุปว่า แม้พระคัมภีร์หลายตอนได้บรรยายว่าคริสตจักรเป็นอะไรและทำอะไร แต่ประโยค 2 ประโยคที่พระเยซูตรัสสรุปทุกอย่าง คือ มหาบัญญัติ (มัทธิว 22:37-40) และพระมหาบัญชา (มัทธิว 28:19-20)
จงรักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของเจ้าด้วยสุดใจสุดจิตของเจ้า และด้วยสิ้นสุดความคิดของเจ้านั่นแหละเป็นพระบัญญัติข้อใหญ่และข้อต้น ข้อที่สองก็เหมือนกัน คือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ธรรมบัญญัติและคำของผู้เผยพระวจนะทั้งสิ้นก็ขึ้นอยู่กับพระบัญญัติสองข้อนี้
มัทธิว 22:37-40
เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ สอนให้เขาถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค
มัทธิว 28:19-20
พระเยซูประทานมหาบัญญัติเพื่อตอบคำถาม วันหนึ่ง มีคนถามพระเยซูถึงบัญญัติข้อใหญ่ที่สุด พระองค์ทรงตรัสตอบว่า "นี่คือพระคัมภีร์เดิมทั้งหมดอย่างสรุปพระบัญญัติทั้งหมดและผู้เผยพระวจนะทั้งสิ้นสามารถสรุปรวมเป็นภารกิจสองอย่างคือ รักพระเจ้าสุดใจของเจ้า และรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง"
ต่อมาพระองค์ประทานพระมาหบัญชาแก่เหล่าสาวก เป็นคำตรัสสุดท้ายและให้ภารกิจอีก 3 อย่าง คือ ออกไปสร้างสาวก ให้บัพติศมาพวกเขา ปละสอนพวกเขาให้รักษาสิ่งสารพัดที่พระองค์สอน
ผมเชื่อว่า ทุกคริสตจักรถูกกำหนดโดยวัตถุประสงค์ที่คริสตจักรนั้นทุ่มเทให้ ดังนั้น ผมจึงคิดคำขวัญนี้ "การทุ่มเทอย่างยิ่งใหญ่ต่อมหาบัญญัติและมหาบัญชา จะก่อให้เกิดคริสตจักรที่ยิ่งใหญ่" นี่กลายเป็นคำขวัญของคริสตจักรแซดเดิลแบ็ค
พระคัมภีร์สองตอนนี้สรุปทุกสิ่งทำในคริสตจักรแซดเดิลแบ็ค ถ้ากิจกรรมหรือรายการใดทำให้หนึ่งในพระบัญชาเหล่านี้สำเร็จ เราจะทำ แต่ถ้าไม่ เราก็ไม่ทำ เราเคลื่อนไปด้วยมหาบัญญัติและพระมหาบัญชา ซึ่งทั้งสองนี้รวมกันเป็นงานหลักที่คริสตจักรต้องมุ่งเน้นจนกว่าพระคริสต์จะเสร็จกลับมา
วัตถุประสงค์ห้าประการของคริสตจักร
คริสตจักร ที่เคลื่อนไปด้วยวัตถุประสงค์ จะทุ่มเทเพื่อทำให้งานทั้ง 5 ประการ ซึ่งพระคริสต์กำหนดไว้เพื่อคริสตจักรของพระองค์สำเร็จ
วัตถุประสงค์ที่ 1 รักพระเจ้าด้วยสิ้นสุดใจของเจ้า
คำที่บรรยายเป้าหมายนี้คือ นมัสการ คริสตจักรอยู่เพื่อนมัสการพระเจ้า เราจะรักพระเจ้าด้วยสิ้นสุดใจของเราได้อย่างไร ก็โดยการนมัสการพระองค์ มันไม่สำคัญว่า เราอยู่คนเดียว อยู่ในกลุ่มย่อย หรืออยู่กับคนเรือนแสน เมื่อเราแสดงความรักต่อพระเจ้า เราก็กำลังนมัสการพระองค์
พระคัมภีร์กล่าวว่า "จงกราบนมัสการพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของท่าน และปรนนิบัติพระองค์แต่ผู้เดียว" (มัทธิว 4:10) สังเกตว่าการนมัสการมาก่อนการรับใช้ การนมัสการพระเจ้าเป็นเป้าหมายแรกของคริสตจักร บางครั้งเรายุ่งมากกับการทำงานเพื่อพระเจ้า จนเราไม่มีเวลาแสดงความรักต่อพระองค์โดยการนมัสการ
ตลอดพระคัมภีร์ทั้งเล่ม พวกเราได้รับคำสั่งให้เฉลิมฉลองการสถิตอยู่ด้วยของพระเจ้าโดยการยกย่องพระเจ้าโดยการยกย่องพระเจ้าและสรรเสริญพระนามของพระองค์ สดุดี 34:3 กล่าวว่า "เชิญยอพระเกียรติพระเจ้าพร้อมกับข้าพเจ้า ให้เราสรรเสริญพระนามของพระองค์ด้วยกัน" เราไม่ควรนมัสการพระเจ้าตามหน้าที่ แต่เราควรนมัสการเพราะว่าเราอยากนมัสการ เราควรมีความสุขในการแสดงความรักต่อพระเจ้า
วัตถุประสงค์ที่ 2 รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
คำที่เราใช้บรรยายเป้าหมายนี้คือ การรับใช้ คริสตจักรอยู่เพื่อรับใช้ผู้คน การรับใช้ คือ การสำแดงความรักของพระเจ้าต่อผู้อื่น โดยการตอบสนองความต้องการของพวกเขา และรักษาบาดแผลของพวกเขาในพระนามพระเยซู ทุกครั้งที่คุณออไปด้วยความรักต่อผู้อื่น คุณก็กำลังรับใช้พวกเขา คริสตจักรต้องรับใช้ความต้องการทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นด้วยจิตวิญญาณ อารมณ์ ความสัมพันธ์ และร่างกาย พระเยซูทรงตรัสว่าแม้แต่น้ำเย็นแก้วหนึ่งที่ให้ในพระนามของพระองค์ก็ถือว่าเป็นการรับใช้ และจะไม่ขาดบำเหน็จเลย คริสตจักรต้อง "…เตรียมธรรมิกชนให้เป็นคนที่จะรับใช้" (เอเฟซัส 4:12)
น่าเสียดาย ในหลายคริสตจักรมีการรับใช้จริง ๆ เกิดขึ้นน้อยมาก เวลาส่วนใหญ่กลับใช้ไปในการประชุม ความสัตย์ซื่อมักจะวัดกันด้วยการเข้าร่วมรายการ แทนที่จะด้วยการรับใช้ และสมาชิกก็ได้แต่นั่งเฉย ๆ ฟัง และบึ้งตึง
วัตถุประสงค์ที่ 3 ออกไปสร้างสาวก
เป้าหมายนี้เราเรียกว่า การประกาศข่าวประเสริฐ คริสตจักรอยู่เพื่อสื่อสารพระวจนะของพระเจ้า เราเป็นทูตของพระคริสต์ ปละภารกิจของเราคือการประกาศข่าวประเสริฐกับโลกนี้ คำว่า "ออกไป" ในมหาบัญชาเป็นภาษากรีก ซึ่งควรจะหมายความว่า "เมื่อท่านออกไป" เป็นหน้าที่ของคริสเตียนทุกคนที่จะแบ่งปันข่าวประเสริฐในทุกที่ที่เราไป เราต้องบอกคนทั้งโลกถึงการเสด็จมาของพระคริสต์ การสิ้นพระชนม์ของพระองค์บนกางเขน การฟื้นคืนพระชนม์ และพระสัญญาของพระองค์ในการเสด็จกลับมา วันหนึ่งเราแต่ละคนต้องรายการต่อพระเจ้าว่า เราจริงจังกับความรับผิดชอบนี้เพียงไร
ภารกิจแห่งการประกาศข่าวประเสริฐไม่ได้เป็นเพียงความรับผิดชอบของเรา แต่ยังเป็นสิทธิพิเศษของเราด้วย เราได้รับเชิญให่เป็นส่วนหนึ่งของการนำคนเข้าสู่ครอบครัวนิรันดร์ของพระเจ้า ผมไม่พบเป้าหมายยิ่งใหญ่กว่านี้ที่คู่ควรจะอุทิศชีวิตให้ ถ้าคุณรู้วิธีรักษาโรคมะเร็ง ผมแน่ใจว่า คุณจะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้ข่าวนั้นแพร่ออกไป เพราะมันจะช่วยชีวิตคนนับล้าน แต่ตอนนี้คุณรู้สิ่งที่ดีกว่านั้น คุณรับข่าวประเสริฐแห่งชีวิตนิรันดร์เพื่อแบ่งปันกับผู้อื่น ซึ่งเป็นข่าวดีที่สุด
ตราบใดที่มีหนึ่งคนในโลกนี้ที่ยังไม่รู้จักพระคริสต์ คริสตจักรก็ยังได้รับคำสั่งให้เติบโต การเติบโตไม่ใช่ทางเลือก มันเป็นคำสั่งของพระเยซู เราไม่ควรแสวงหาการเติบโตของคริสตจักรเพื่อผลประโยชน์ของเราเอง แต่เพราะว่าพระเจ้าต้องการให้มนุษย์ได้รับความรอด
วัตถุประสงค์ที่ 4 บัพติศมาพวกเขา
ในภาษากรีก พระมหาบัญชามีคำกริยา 3 คำคือ ออกไป ให้รับบัพติศมา และสั่งสอน แต่ละคำเป็นส่วนหนึ่งพระบัญชาให้ "สร้างสาวก" ออกไปทให้บัพติศมาและสั่งสอนเป็นองค์ประกอบสำคัญของกระบวนการสร้างสาวก เมื่ออ่านครั้งแรก คุณอาจจะสงสัยว่าทำไมพระมหาบัญชาจึงให้ความสำคัญกับงานง่าย ๆ ของการบัพติศมาเท่า ๆ กับงานของการประกาศและการเลี้ยงดู แน่นอน พระเยซูมิได้กล่าวโดยบังเอิญ ทำไมการให้รับบัพติศมาจึงสำคัญมากจนพระองค์รวมไว้ในพระมหาบัญชา ผมเชื่อว่า เพราะมันเล็งถึงเป้าหมายหนึ่งของคริสตจักรคือ การสามัคคีธรรม คือการแสดงตัวว่าเป็นส่วนหนึ่งของพระกายของพระคริสต์
คริสเตียนได้รับการทรงเรียกให้เป็น ส่วนหนึ่ง ของคริสตจักร ไม่ใช่เพียงแค่เชื่อเท่านั้น พระองค์มิได้มีพระประสงค์ให้เรามีชีวิตฉายเดี่ยว แต่ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพระคริสต์ และเป็นอวัยวะในพระกายของพระองค์ บัพติศมาไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ของความรอด แต่เป็นสัญลักษณ์ของการสามัคคีธรรม มันไม่เพียงแสดงถึงชีวิตใหม่ของเราในพระคริสต์เท่านั้น มันยังแสดงให้เห็นด้วยว่า คนนี้ได้เข้ามาอยู่ในพระกายของพระคริสต์ มันบอกกับโลกว่า "คนนี้เป็นหนึ่งในพวกเราแล้ว" เมื่อผู้เชื่อใหม่ได้รับบัพติศมา เราต้อนรับเขาเข้าสู่สามัคคีธรรมในครอบครัวของพระเจ้า เราไม่ได้อยู่เดียวดาย เรามีพี่น้องคอยสนับสนุน ผมชอบคำถอดความเอเฟซัส 2:19 ที่กล่าวว่า "…ท่านเป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า… และท่านเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพระเจ้าร่วมกับคริสเตียนอื่น ๆ ทุกคน" คริสตจักรดำรงอยู่เพื่อให้ผู้เชื่อได้มีการสามัคคีธรรม
วัตถุประสงค์ที่ 5 สั่งสอนพวกเขาให้เชื่อฟัง
คำที่เรามักจะใช้กล่าวถึงวัตถุประสงค์นี้คือ การสร้างสาวก คริสตจักรอยู่เพื่อเสริมสร้างหรือสั่งสอนคนของพระเจ้า การสร้างสาวกเป็นกระบวนการช่วยให้สมาชิกเป็นเหมือนพระคริสต์มากขึ้นในด้านความคิด ความรู้สึก และการกระทำ กระบวนการนี้เริ่มต้นเมื่อคนหนึ่งบังเกิดใหม่ และมันดำเนินต่อไปตลอดชีวิตที่เหลือของเขา โคโลสี 1:28 กล่าวว่า "พระองค์นั้นแหละเราประกาศอยู่ โดยเตือนสติทุกคนและสั่งสอนทุกคนให้มีสติปัญญาทุกอย่าง เพื่อจะได้ถวายทุกคนให้ทเป็นผู้ใหญ่แล้วในพระคริสต์"
ในฐานะคริสตจักร เราได้รับการทรงเรียกไม่เพียงแค่ให้ประกาศเท่านั้น แต่ให้สั่งสอนพวกเขาด้วย หลังจากที่คนหนึ่งตัดสินใจเชื่อพระคริสต์แล้ว คริสตจักรต้องสร้างเขาให้เป็นสาวก คริสตจักรมีคามรับผิดชอบในการสร้างคนให้เป็นผู้ใหญ่ในฝ่านวิญญาณ นี่คือน้ำพระทัยของพระเจ้าสำหรับผู้เชื่อทุกคน เปาโลเขียนว่า "…เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ให้จำเริญขึ้น จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ และในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า จนกว่าเราจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์" (เอเฟซัส 4:12-13)
ถ้าคุณพิจารณางานรับใช้ของพระเยซู จะเห็นได้ชัดว่าพระองค์รวมเอาองค์ประกอบทั้ง 5 นี้ไว้ในพระราชกิจของพระองค์ (ยอห์น 17) อัครทูตเปาโลไม่เพียงแต่ทำให้วัตถุประสงค์เหล่านี้สำเร็จในงานรับใช้ของท่านเท่านั้น ท่านยังอธิบายวัตถุประสงค์เหล่านี้ในเอเฟซัส 4:1-16 แต่ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของวัตถุประสงค์ทั้ง 5 คือ คริสตจักรแห่งแรกในเยรูซาเล็มที่บรรยายในกิจการ 2:1-47 พวกเขาสอนกันและกัน พวกเขาสามัคคีธรรมกัน พวกเขานมัสการ พวกเขารับใช้ และพวกเขาประกาศ วันนี้วัตถุประสงค์ของเราก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง คริสตจักรอยู่เพื่อเสริมสร้าง หนุนใจ ยกย่อง เตรียมและประกาศ แม้ว่าคริสตจักรแต่ละแห่งจะต่างกันในเรื่องวิธีการทำให้วัตถุประสงค์เหล่านี้สำเร็จ แต่ก็ไม่ควรเห็นต่างกันในเรื่องที่ว่า พระเจ้าทรงเรียกให้เราทำอะไร
คำที่ใช้แสดงวัตถุประสงค์ของ
คริสตจักรแซดเดิลแบ็ค
ที่คริสตจักรแซดเดิลแบ็ค เราใช้คำสำคัญ 5 คำ เพื่อสรุปวัตถุประสงค์ของพระคริสต์สำหรับคริสตจักรของพระองค์
ยกย่อง - เราเฉลิมฉลองการสถิตอยู่ด้วยของพระเจ้าในการนมัสการ
ภารกิจ - เราสื่อสารพระวจนะของพระเจ้าโดยการประกาศ
สมาชิก - เรารวบรวมครอบครัวของพระเจ้าเข้ามาในสามัคคีธรรมของเรา
ความเป็นผู้ใหญ่ - เราให้การศึกษาแก่คนของพระเจ้าโดยการสร้างสาวก
การรับใช้ - เราสำแดงความรักของพระเจ้าโดยการรับใช้
คำเหล่านี้แสดงถึงเป้าหมายทั้ง 5 ของเรา และรวมเข้ามาเป็นการประกาศถึงภารกิจของเรา ซึ่งกล่าวว่า
มีลักษณะเด่นสำคัญ 3 ประการที่ผมอยากให้คุณสังเกตเกี่ยวกับคำที่ใช้แสดงวัตถุประสงค์ของคริสตจักรแซดเดิลแบ็ค ประการแรก มันกล่าวถึง ผลลัพธ์ แทนที่จะกล่าวถึงกิจกรรม มันกล่าวถึงผลที่วัดได้ 5 ประการ ในคริสตจักรส่วนใหญ่ถ้ามีคำที่ใช้แสดงวัตถุประสงค์ก็มักจะพูดถึงกิจกรรม (เราเสริมสร้าง ประกาศ นมัสการ ฯลฯ) มันทำให้ลำบากในการประเมินและวัดปริมาณ
ที่คริสตจักรแซดเดิลแบ็ค พวกเราบอกผลที่เราต้องการจะเห็นจากการทำให้วัตถุประสงค์แต่ละอย่างของคริสตจักรสำเร็จ สำหรับผลแต่ละอย่าง เราสามารถถามคำถาม เช่น กี่คน มากกว่าปีก่อนกี่คน มีกี่คนที่มาเชื่อพระคริสต์ มีสมาชิกใหม่กี่คน มีกี่คนที่แสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ เครื่องหมายแสดงความเป็นผู้ใหญ่ซึ่งเรามองหาคืออะไร มีกี่คนได้รับการฝึกฝนและผลักดันสู่งานรับใช้ มีกี่คนที่กำลังทำให้ภารกิจแห่งชีวิตในโลกนี้สำเร็จ คำถามเหล่านี้วัดความสำเร็จของเรา และบังคับให้เราประเมินผลว่าเรากำลังทำให้มหาบัญญัติและพระมหาบัญชาสำเร็จหรือไม่
ประการที่ 2 ผมต้องการให้คุณสังเกตว่า คำที่ใช้แสดงวัตถุประสงค์ของคริสตจักรแซดเดิลแบ็คกล่าวออกมาในลักษณะที่ ส่งเสริมการมีส่วนร่วม ของสมาชิกทุกคน สมาชิกต้องการเห็นว่าเขาจะสามารถมีส่วนกับเป้าหมายของคริสตจักรได้อย่างไร คุณต้องกล่าวถึงภารกิจในลักษณะที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ด้วย ไม่เพียงแต่เชื่อเท่านั้นถ้าประโยคของคุณไม่ให้ใครมีส่วนร่วม งานก็จะสำเร็จน้อยมาก
ประการที่ 3 และสำคัญที่สุด สังเกตว่าเราจัดลำดับเป้าหมายทั้ง 5 ตามลำดับของกระบวนการ นี่เป็นสิ่งสำคัญจริง ๆ การจะเป็นคริสตจักรที่เคลื่อนไปด้วยวัตถุประสงค์นั้น คุณต้องทำให้วัตถุประสงค์ทุกคำจำเป็นต้องมีกระบวนการเพื่อจะทำให้สำเร็จ หากไม่มี คุณก็มีเพียงคำที่ใช้แสดงวัตถุประสงค์ที่มีความหมายแค่ในทางศาสนศาสตร์ซึ่งน่าฟัง แต่ไม่ค่อยทำให้เกิดอะไรขึ้น
แทนที่จะพยายามขยายคริสตจักรด้วยการใช้รายการ ให้คุณมุ่งเน้นไปที่การสร้างคนด้วยกระบวนการ ความคิดนี้เป็นหัวใจของการเป็นคริสตจักรที่เคลื่อนไปด้วยวัตถุประสงค์ ถ้าคุณจะกำหนดกระบวนการเพื่อพัฒนาสาวกและ ทำตามนั้น การเติบโตของคริสตจักรคุณก็จะแข็งแรง สมดุล และสม่ำเสมอ เบนจามิน ดิสราเอลให้ข้อสังเกตว่า "ความสม่ำเสมอต่อจุดมุ่งหมาย คือ เคล็ดลับของความสำเร็จ"
กระบวนการของเราในการดำเนินวัตถุประสงค์ของพระเจ้าเกี่ยวข้องกับ 4 ขั้นตอน เรานำคนเข้ามา สร้างพวกเขาขึ้น ฝึกฝนพวกเขา และส่งพวกเขาออกไป เรานำพวกเขาเข้ามาเป็น สมาชิก เราสร้างพวกเขาให้เป็น ผู้ใหญ่ เราฝึกฝนพวกเขาให้ รับใช้ และเราส่งพวกเขาออกไปทำ พันธกิจ โดยที่เรา ยกย่องพระเจ้าตลอดกระบวนการเหล่านี้ นี่คือทั้งหมดที่คริสตจักรแซดเดิลแบ็คมุ่งเน้น เราไม่ทำสิ่งอื่นเลย
ถ้าผมต้องใช้คำพูดในทางธุรกิจ ผมก็จะบอกว่า คริสตจักรของเราทำธุรกิจ "สร้างสาวก" และสินค้าของเราคือชีวิตที่เปลี่ยนแปลง คือคนที่เป็นเหมือนพระคริสต์ ถ้านี่คือเป้าหมายของคริสตจักรในการสร้างสาวก เราก็ต้องคิดกระบวนการให้ครบถ้วนว่า จะทำให้เป้าหมายนั้นสำเร็จได้อย่างไร คริสตจักรของคุณต้องกำหนดทั้งวัตถุประสงค์ และกระบวนการในการทำให้วัตถุประสงค์เหล่านั้นสำเร็จ ถ้าเราทำน้อยกว่านั้นก็เท่ากับเราปล่อยให้ความรับผิดชอบสำคัญ ซึ่งเราได้รับจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้าเป็นไปตามมีตามเกิด
คริสตจักรที่ยิ่งใหญ่ทุกแห่งกำหนดวัตถุประสงค์ของตนเอง แล้วพยายามหากระบวนการ หรือระบบเพื่อทำให้วัตถุประสงค์เหล่านั้นสำเร็จ คริสตจักรเซ็นทรัลในกรุงโซล ประเทศเกาหลี สร้างขึ้นด้วยระบบกลุ่มเซล คริสตจักรที่ 1 แบ็บติสต์ มลรัฐเท็กซัส สร้างขึ้นด้วยระบบชั้นเรียนรวีศึกษา คริสตจักรคอรัลริดจ์ เพรสไบทีเรียนในฟอร์ต ลอเดอร์เดล มลรัฐฟลอริดา เติบโตเนื่องจากระบบการเป็นพยานส่วนตัว ซึ่งในแต่ละกรณี ผู้นำคริสตจักรได้กำหนดวัตถุประสงค์ของเขาอย่างชัดเจน จากนั้นจึงสร้างกระบวนการเพื่อทำให้วัตถุประสงค์เหล่านั้นสำเร็จ
วัตถุประสงค์ของคริสตจักรคุณไม่ได้เป็นเพียงเป้าหมายที่คุณมุ่งไป แต่มันเป็นเหตุผลที่ทำให้คริสตจักรคุณดำรงอยู่ คำที่ใช้แสดงวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนจะให้ทิศทาง ชีวิตชีวา ขอบเขต และพลังผลักดันแก่ทุกสิ่งที่คุณทำ คริสตจักรที่เคลื่อนไปด้วยวัตถุประสงค์จะเป็นคริสตจักรที่เตรียมพร้อมสำหรับการรับใช้ได้ดีที่สุดในท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทั้งหลายที่เราจะพบในศตวรรษที่ 21
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น