พระเยซูตรัสว่า "…เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้"
มัทธิว 16:18
เปาโลกล่าวว่า "โดยพระคุณของพระเจ้าซึ่งได้ทรงโปรดประทานแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้วางรากลงแล้วเหมือนนายช่างผู้ชำนาญ
1 โครินธ์ 3:10
สองสามปีที่แล้ว ผมซื้อที่ดินแปลงหนึ่งบนภูเขาหลังอุทยานโยเซมิทและสร้างกระท่อมไม้ซุง แม้คุณพ่อและเพื่อนของผมบางคนมาช่วยกัน ก็ยังใช้เวลาถึง 2 ปีกว่าจะสร้างเสร็จ เนื่องจากผมไม่สามารถให้เวลากับมันอย่างเต็มที่ ตอนเริ่มสร้างผมต้องใช้เวลาทั้งฤดูร้อนเพื่อวางรากฐาน แรกสุดผมต้องปราบดินในป่าก่อน โดยการตัดและรุดรากต้นสนใหญ่ ๆ 37 ต้น แล้วขุดทางระบายน้ำลึก 5 ฟุต ยาวถึง 60 ฟุตและถมด้วยกรวดอีกที เพราะว่าพื้นดินแฉะเนื่องจากมีน้ำพุใต้ดินอยู่ใกล้ ๆ
หลังจาก 10 สัปดาห์ของการทำงานตรากตำ ผลงานทั้งหมดที่จะอวดแรงงานของผม คือ ฐานคอนกรีตสี่เหลี่ยมราบเรียบ ผมท้อใจมาก แต่คุณพ่อซึ่งเคยสร้างอาคารคริสตจักรมากกว่า 110 แห่งในชีวิต กล่าวว่า "ดีใจเถอะลูก เมื่อลูกวางฐานรากเสร็จงานที่สำคัญที่สุดก็เสร็จแล้ว"
รากฐานจะกำหนดทั้งขนาดและความแข็งแรกของตึก คุณไม่สามารถสร้างตึกใหญ่เกินที่รากฐานจะรองรับได้ นี่เป็นความจริงสำหรับคริสตจักรด้วย คริสตจักรที่สร้างบนฐานที่ๆม่แข็งแรงหรือรากฐานที่ผิดจะไม่สามารถสร้างได้สูงอย่างที่พระเจ้าต้องการได้ มันจะคว่ำลงมาเมื่อมันโตเกินฐานของมัน
ถ้าคุณต้องการสร้างคริสตจักรที่สุจภาพดี แข็งแรงและเติบโต คุณ ต้อง ใช้เวลาวางรากฐาน โดยการให้ความหระจ่างแก่ทุกคนที่เกี่ยวข้องว่า คริสตจักรนี้ตั้งขึ้นเพื่ออะไรและคริสตจักรต้องทำอะไร การมีแถลงการณ์วัตถุประสงค์ที่ชัดเจนจะเป็นพลังอย่างเหลือเชื่อ ถ้าแถลงการณ์นั้นเป็นประโยคที่สั้นพอที่ทุกคนจำได้ มันจะให้ประโยชน์ 5 ประการแก่คริสตจักรคุณ
วัตถุประสงค์ที่ชัดเจนสร้างกำลังใจ
กำลังใจและภารกิจดำเนินควบคู่กันเสมอ 1 โครินธ์ 1:10 กล่าวว่า "…ขอให้ท่านปรองดองกัน อย่าถือพวกถือคณะ แต่ขอให้ท่านเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน" (หรือมีความคิดและจุดมุ่งหมายเดียวกัน - แปลจากพระคัมภีร์อังกฤษฉบับลิฟวิ่ง ไบเบิล) สังเกตว่า อาจารย์เปาโลกล่าวว่า กุญแจของความปรองดองในคริสตจักร คือการมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ถ้าภาระกิจของคุณไม่ชัดเจน กำลังใจของพวกคุณก็จะมีน้อย
คริสตจักรแซดเดิลแบ็คมีขวัญกำลังใจและบรรยากาศความปรองดองสูงกว่าปกติ ผู้คนที่ทำงานร่วมกันเพื่อเป้าหมายสำคัญ จะไม่มีเวลาทะเลาะกันในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อคุณช่วยพายเรือ คุณก็ไม่มีเวลาไปโยกเรือให้โคลงเคลง เราสามารถรักษา สามัคคีธรรมที่อบอุ่นไว้ได้ คริสตจักรของเราเติบโตอย่างมาก เพราะสมาชิกของเราทุ่มเทเพื่อเป้าหมายเดียวกัน
สุภาษิต 29:18 กล่าวว่า "ที่ใด ๆ ที่ไม่มีการเผยธรรม ประชาชนก็จะละทิ้งความยับยั้งชั่งใจเสีย" (หรือที่ใดไม่มีนิมิต ประชาชนก็พินาศ - แปลจากพระครัมภีร์อังกฤษฉบับคิงเจมส์) ผมเชื่อด้วยว่า ที่ ๆ ไม่มีนิมิต สมาชิกก็ย้ายไปคริสตจักรอื่น หลาย ๆ คริสตจักรเพียงแค่พยายามเอาตัวรอด เพราะขาดนิมิต พวกเขาดำเนินไปอย่างอ่อนระโหยโรยแรงจากวันอาทิตย์หนึ่งสู่อีกอาทิตย์หนึ่ง เพราะเขาได้สูญเสียเป้าหมายที่จะดำเนินต่อไป คริสตจักรที่ไม่มีวัตถุประสงค์และไม่มีภาระกิจ สุดท้ายก็จะกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ของอดีต
ไม่มีอะไรทำให้คริสตจักรหมดกำลังใจเท่ากับการที่ไม่รู้ว่าอยู่ไปเพื่ออะไร หรือพูดอีกอย่าง คือ วิธีที่เร็วที่สุดในการฟื้นฟูคริสตจักรที่หยุดเติบโตและเสื่อมถอยให้กลับมามีชีวิตชีวาใหม่ คือ การอ้างถึงเป้าหมายของพระคริสต์เพื่อคริสตจักรอีกครั้ง และช่วยให้สมาชิกเข้าใจงานยิ่งใหญ่ซึ่งพระคริสต์ประทานแก่คริสตจักร
วัตถุประสงค์ที่ชัดเจนลดความผิดหวัง
วัตถุประสงค์ที่ชัดเจนจะช่วยลดความผิดหวังได้ เพราะมันทำให้เราลืมสิ่งที่ไม่สำคัญจริง ๆ อิสยาห์ 26:3 กล่าวว่า "ใจแน่วแน่ (ในเป้าหมาย) นั้น พระองค์ทรงรักษาไว้ ในศานติภาพอันสมบูรณ์ เพราะเขาวางใจในพระองค์" วัตถุประสงค์ที่ชัดเจนไม่เพียงกำหนดสิ่งที่เราทำเท่านั้น มันยังบอกถึงสิ่งที่เราไม่ควรทำด้วย ผมแน่ใจว่าคุณเห็นด้วยว่า คริสตจักรไม่มีเวลาทำทุกอย่าง ข่าวดีคือ พระเจ้าไม่ได้คาดหวังให้คุณทำทุกสิ่ง ยิ่งกว่านั้น มีเพียงไม่กี่สิ่งที่มีค่าพอที่เราจะทำเป็นอันดับแรก เคล็ดลับของความมีประสิทธิภาพ คือ การรู้ว่าอะไรสำคัญจริง ๆ แล้วก็ทำสิ่งที่สำคัญจริง ๆ โดยที่ไม่กังวลถึงสิ่งอื่น ๆ
ในฐานะศิษยาภิบาล ผมได้เรียนรู้ว่า ทุกคนต่างมีแผนการของตนเองสำหรับคริสตจักร ผู้คนมักจะพูดเสมอว่า "คริสตจักรควรทำสิ่งนี้" หรือ "คริสตจักรควรทำสิ่งนั้น" หลายคนเสนอกิจกรรมที่ดีมาก แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญจริง ๆ เราต้องพิจารณากลั่นกรองเสมอ โดยพิจารณาว่า กิจกรรมนี้จะทำให้วัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งที่พระเจ้าตั้งไว้สำหรับคริสตจักรนี้สำเร็จหรือไม่ หากกิจกรรมนั้นตรงตามมาตรฐานนี้ คุณก็ต้องรับไว้พิจารณา แต่หากไม่ผ่านการทดสอบนี้ คุณก็ต้องไม่ยอมให้มันมาเบี่ยงเบนคุณไปจากแผนการของพระเจ้าสำหรับคริสตจักร
ถ้าวัตถุประสงค์ของคริสตจักรไม่มีการประกาศออกไป มันก็ง่ายที่จะผิดหวังเพราะสิ่งต่าง ๆ รอบตัวที่ดึงเราให้เบนออกจากทาง คุณอาจจะรู้สึกเหมือนอิสยาห์ว่า "ข้าพเจ้าได้ทำงานเปล่าดาย (ไร้จุดหมาย) ข้าพเจ้าเปลืองแรงของข้าพเจ้าเปล่า ๆ" (อิสยาห์ 49:4) การพยายามนำคริสตจักรโดยปราศจากวัตถุประสงค์อย่างชัดเจน ก็เหมือนการพยายามขับรถเข้าไปในหมอก ถ้าหากคุณไม่เห็นทางอย่างชัดเจน คุณคงจะชนอะไรเข้าสักอย่าง
ยากอบ 1:8 กล่าวว่า "เขาเป็นคนสองใจไม่มั่นคงในบรรดาทางที่ตนประพฤตินั้น" เมื่อคริสตจักรลืมเป้าหมาย คริสตจักรก็พบปัญหาในการตัดสินว่าอะไรสำคัญ คริสตจักรสองใจเป็นคริสตจักรที่ไม่มั่นคง อะไร ๆ ก็อาจพาออกนอกทางได้ มันจะโอนเอนไปมาระหว่างสิ่งที่สำคัญ วัตถุประสงค์ และรายการ มันจะมุ่งไปในทิศทางหนึ่งแล้วก็หันไปอีกทางหนึ่ง ขึ้นอยู่กับว่าใครนำในเวลานั้น และบางครั้ง คริสตจักรก็วนเวียนอยู่กับที่
ในคริสตจักรที่เคลื่อนไปด้วยวัตถุประสงค์ เมื่อคุณกำหนดเส้นทางแล้ว การตัดสินใจก็ง่ายขึ้นมาก ส่วนการผิดหวังก็น้อยลง จงกำหนดบทบาทของคุณแล้วกำหนดเป้าหมายของคุณ เมื่อวัตถุประสงค์ของคริสตจักรคุณชัดเจนแล้ว เป้าหมายใดที่ทำให้หนึ่งในวัตถุประสงค์สำเร็จก็ได้รับการอนุญาตทันที่ เมื่อใดก็ตามที่มีคนเสนอกิจกรรมหรือรายการใหญ่ หรือรายการใหม่ คุณก็เพียงแค่ถามว่า สิ่งนี้จะทำให้วัตถุประสงค์ประการใดประการหนึ่งของคริสตจักรสำเร็จหรือไม่ ถ้าใช้ก็ทำเลย ถ้าไม่ก็อย่าทำ
วัตถุประสงค์ที่ชัดเจนช่วยรวมความสนใจ
แสงที่รวมเป็นจุดเดียวพลังมหาศาล แต่แสงที่กระจายไม่มีพลัง ตัวอย่างเช่นแสงที่รวมผ่านแว่นขยายสามารถทำให้ใบไม้ติดไฟได้ แต่คุณไม่สามารถทำให้ใบไม้ติดไฟถ้าแสงเดียวกันนั้นไม่รวมตัว เมื่อแสงรวมตัวเข้มข้นกว่านั้น อย่างเช่นลำแสงเลเซอร์ มันสามารถเจาะทะลุแม้กระทั่งแท่งโลหะได้
ชีวิตและคริสตจักรที่จดจ่อกับเรื่องที่สำคัญ จะมีอิทธิพลในสังคมมากกว่าชีวิตและคริสตจักรที่ไม่จดจ่อหลายเท่า เหมือนแสงเลเซอร์ ยิ่งคริสตจักรของคุณจดจ่อมากเท่าใด ก็จะยิ่งมีอิทธิพลต่อสังคมมากเท่านั้น
เหตุผลสำหรับเรื่องนี้ก็คือ วัตถุประสงค์ที่ชัดเจนทำให้คุณสามารถรวบรวมเรี่ยวแรงของคุณ เปาโลก็รู้เรื่องนี้ดี ท่านกล่าวว่า "ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัล ซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบนให้เราไปรับ" (ฟีลิปปี 3:13)
การทดลองที่ผมเห็นบ่อยในตริสจักรหลายแห่ง คือ กับดักของการให้ความสำคัญกับเรื่องที่ไม่สำคัญ คริสตจักรเหล่านั้นเบี่ยงเบนไปเพราะวาระการประชุม การรณรงค์ หรือจุดมุ่งหมายที่ดี แต่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด พลังงานของคริสตจักรก็กระจัดกระจายและเหือดหายไป เป็นการเสียแรงไปเปล่า ๆ
ถ้าคุณต้องการให้คริสตจักรของคุณมีอิทธิพลต่อโลก คุณต้องให้ความสำคัญกับเรื่องที่สำคัญ ผมประหลาดใจที่คริสเตียนมากมายไม่รู้เลยว่า เป้าหมายหลักของคริสตจักรเขาคืออะไร เหมือนภาษิตโบราณกล่าวว่า "สิ่งสำคัญ คือ การทำให้สิ่งสำคัญนั้นเป็นสิ่งสำคัญจริง ๆ"
ในความเห็นของผม คริสตจักรส่วนใหญ่พยายามทำมากเกินไป นี่เป็นหนึ่งในบรรดาอุปสรรคที่ถูกมองข้ามมากที่สุดในการสร้างคริสตจักรให้แข็งแรง เราทำให้คนหมดเรี่ยวแรง คริสตจักรเล็ก ๆ ได้เอาตัวเองเข้าพัวพันกับกิจกรรม รายการ รวมถึงรายการพิเศษสารพัดรูปแบบ แทนที่จะมุ่งเน้นงานสำคัญอย่างที่เปาโลทำ พวกเขากลับทำงาน 40 ชนิดอย่างผิวเผิน แต่ทำไม่ได้ดีแม้แต่อย่างเดียว
ยิ่งคริสตจักรเก่าแก่เท่าใด สิ่งนี้ก็ยิ่งเป็นความจริงเท่านั้น เขาเพิ่มรายการและรายการพิเศษเข้ามาใหม่เสมอ โดยไม่ตัดรายการเก่า ๆ ออกไปเลย ขอให้จำไว้ว่าไม่มีรายการใดคงอยู่ชั่วนิรันดร์ คำถามสำคัญที่ต้องคิดเมื่อคุณพิจารณาเลือกรายการในคริสตจักรของคุณ คือ "ถ้าหากเราไม่เคยทำสิ่งนี้มาก่อน เราจะเริ่มทำสิ่งนี้หรือไม่" รายการที่เพิ่มขึ้นในปฏิทินคริสตจักรจะกระจายกำลังของคริสตจักรคุณ สิ่งสำคัญต่อสุขภาพคริสตจักรคุณ คือ คุณต้อง "ทำความสะอาดบ้าน" เป็นครั้งคราว คือ ทิ้งรายการที่หมดประโยชน์แล้ว เมื่อม้าหมดลมหายใจ คนขี่ก็ต้องลงจากหลังม้า
เมื่อผมเริ่มต้นคริสตจักรแซดเดิลแบ็ค สิ่งที่เรามีเพื่อรองรับปีแรก คือ การนมัสการและรายการของคริสตจักรเด็ก เราไม่ได้พยายามเป็นคริสตจักรที่ทำทุกสิ่งยกตัวอย่าง เราไม่มีรายการอนุชนจนกระทั่งเรามีคนมาร่วมนมัสการเฉลี่ยกว่า 500 คน และเราไม่มีกลุ่มคนโสดจนกระทั่งคนมาร่วมนมัสการเพิ่มเกือบถึง 1,000 คน
เราตั้งใจว่าเราจะไม่เริ่มพันธกิจใหม่โดยไม่มีสักคนหนึ่งมาเป็นผู้นำก่อน ถ้ายังไม่มีผู้นำ เราก็คอยเวลาของพระเจ้าก่อนที่จะเริ่มพันธกิจนั้น ในที่สุดเมื่อเรามีผู้นำที่เหมาะสม เราก็จะเริ่มต้นพันธกิจใหม่ แผนการนี้ช่วยให้เราจดจ่อในการทำงานไม่กี่อย่างได้ดี เราจะพิจารณาเพิ่มพันธกิจใหม่ก็ต่อเมื่อพันธกิจเดิมอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เราไม่พยายามทำทุกสิ่งในเวลาเดียวกัน
การมีประสิทธิภาพนั้นไม่เหมือนกับการมีประสิทธิผล ปีเตอร์ ดรักเกอร์ (ซึ่งเป็นกูรูแห่งการบริหารจัดการ) กล่าวว่า "ประสิทธิภาพคือการทำงานอย่างถูกต้อง ส่วนประสิทธิผลคือทำงานที่ถูกต้อง" หลายคริสตจักรมีประสิทธิภาพในแง่ที่พวกเขาบริหารจัดการได้ดี และคงรายการไว้เต็มเปี่ยม แต่แม้พวกเขาจะสร้างกิจกรรมมากมาย แต่ผลผลิตกลับมีเพียงเล็กเดียว พลังงานสูญเสียไปในสิ่งเล็กน้อย ก็เหมือนการจัดเก้าอี้ใหม่บนดาดฟ้าเรือไททานิก ทุกอย่างอาจดูดีมีระเบียบ แต่มันไม่สำคัญเพราะว่าเรือก็ยังจมอยู่ การที่คริสตจักรจัดการกิจกรรมและพันธกิจได้ดีนั้นยังไม่พอ คริสตจักรต้องจัดการกิจกรรมและพันธกิจให้ถูกต้องและเหมาะสมตามความสำคัญด้วย
พระเจ้าต้องการให้คริสตจักรมีประสิทธิผล คริสตจักรไม่กี่แห่งมีประสิทธิผลมาก เพราะว่าจดจ่ออยู่ที่วัตถุประสงค์ของเขา เมื่อคุณทบทวนวัตถุประสงค์ของคุณเสมอ คุณจะสามารถมุ่งตรงไปในเรื่องที่สำคัญที่สุด และรวมความสนใจของคริสตจักรคุณได้
เป้าหมายที่ชัดเจนดึงดูดความร่วมมือ
คนต้องการเข้าร่วมคริสตจักรที่รู้ว่าจะมุ่งไปทางไหน เมื่อคริสตจักรสื่อสารจุดหมายของตนอย่างชัดเจน คนก็อยากเข้าร่วม นี่เป็นเพราะทุกคนมองหาสิ่งที่จะให้ความหมาย เป้าหมายและทิศทางสำหรับชีวิต เมื่อเอสราบอกประชาชนอย่างเจาะจงว่าพระเจ้าคาดหวังให้พวกเขาทำอะไร ประชาชนก็ตอบว่า "เราทั้งหลายสนับสนุนท่าน" (เอสรา 10:4)
อัครทูตเปาโลมีความชัดเจนในเป้าหมายของท่านเสมอ ผมก็คือ คนต้องการมีส่วนในสิ่งที่ท่านทำ โดยเฉพาะคริสตจักรที่ฟีลิปปี ชาวฟีลิปปีติดตรึงกับภาระกิจของเปาโลมากจนพวกเขาถวายเงินสนับสนุนท่านอย่างต่อเนื่อง (ฟีลิปปี 4:15) ถ้าคุณต้องการให้สมาชิกคุณตื่นเต้นเกี่ยวกับคริสตจักรจะมุ่งไปทางไหน
คุณเคยขึ้นเครื่องบินผิดไหมครับ ครั้งหนึ่งผมขึ้นเครื่องบินที่ผมคิดว่าจะไปเมืองเซนต์หลุยส์ แต่มันกลับมุ่งไปเมืองแคนซัส ซีตี้ และผมได้เรียนบทเรียนที่สำคัญคือ ต้องดูจุดหมายปลายทาง ก่อน เครื่องบินออก การโดดร่มทีหลังเป็นเรื่องเจ็บปวด คุณคงไม่กล้าขึ้นรถประจำทางโดยไม่รู้ว่ามันจะไปไหน ดังนั้น คุณไม่คาดหวังว่าคุณจะร่วมคริสตจักรของคุณโดยไม่รู้ว่าจุดหมายของคริสตจักรอยู่ที่ไหน
ผมต้องการให้คนที่สมัครเป็นสมาชิกแน่ใจว่า พวกเขารู้ชัดเจนว่าคริสตจักรแซดเดิลแบ็คมุ่งไปทางไหน ดังนั้น เราจะอธิบายแถลงการณ์วัตถุประสงค์ของเราอย่างละเอียดแก่ทุกคนที่ต้องการเข้าร่วมในครอบครัวคริสตจักรของเรา ก่อน ที่พวกเขาจะเข้าร่วม ไม่มีใครสามารถร่วมคริสตจักรแซดเดิลแบ็คโดยไม่เข้าชั้นเรียนสมาชิกใหม่และลงนามในพันธสัญญาสมาชิก ซึ่งรวมถึงการสัญญาที่จะสนับสนุนเป้าหมายของคริสตจักรแซดเดิลแบ็ค
สุภาษิต 11:27 ในฉบับทูเดย์ส อิงลิช เวอร์ชั่น กล่าวว่า "ถ้าท่านมีเป้าหมายที่ดี ท่านจะได้รับความนับถือ" จงบอกคนตั้งแต่ต้นว่าคริสตจักรของคุณมุ่งไปทางไหนแล้วมันจะดึงดูดความร่วมมือ จงอธิบายเป้าหมายและสิ่งที่เราให้ความสำคัญในชั้นเรียนสมาชิกใหม่ จงอธิบายแผนการและโครงสร้างของคุณอย่างชัดเจน นี่จะเป็นสมาชิกด้วยความคาดเดาผิด ๆ
ถ้าคุณปล่อยให้คนเป็นสมาชิกคริสตจักรคุณโดยไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ คุณกำลังสร้างปัญหา โดยเฉพาะสมาชิกใหม่ที่ย้ายมาจากคริสตจักรอื่น มักจะมีแผนการและความคิดของตัวเองเรื่องคริสตจักร ถ้าคุณไม่จัดการกับสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่ต้นอย่างชัดเจน เรื่องเหล่านี้จะสร้างปัญหาและความขัดแย้งในที่สุด
คนที่ย้ายสมาชิกภาพมาคริสตจักรของคุณ ได้นำเอาวัฒนธรรมจากคริสตจักรเดิมมาด้วย และพวกเขาอาจจะคาดหวังบางสิ่งที่คริสตจักรของคุณไม่ต้องการจะให้ข้อเท็จจริงนี้ปรากฏชัดเจนแก่ผมในช่วงต้น ๆ ของคริสตจักรแซดเดิลแบ็ค ตั้งแต่ก่อนประชุมนมัสการครั้งแรกด้วยซ้ำ ชายคนหนึ่งในกลุ่มศึกษาพระคัมภีร์ที่บ้านของเราเคยเป็นสมาชิกคริสตจักรใหญ่มีชื่อเสียงในแถบนี้นาน 12 ปี ทุกครั้งที่เราเริ่มวางแผนอะไรเขาจะพูดว่า "ที่คริสตจักรของผม พวกเขาทำอย่างนี้" นี่กลายเป็นประโยคที่เขากล่าวเสมอ
หลังจากประมาณ 8 สัปดาห์ ในที่สุดผมก็พูดว่า "คุณรู้ไหมครับ ถ้าหากคุณต้องการคริสตจักรที่เหมือนคริสตจักรเดิมของคุณ ทำไมคุณไม่กลับไปที่นั่นล่ะ มันห่างจากที่นี่แค่ 13 ไมล์เท่านั้น" เขายอมรับคำแนะนำ และกลับไปพร้อมกับครอบครัวของซึ่งมีรวมกัน 5 คน นั่นถือเป็น 30% ของกลุ่มเราในเวลานั้น และเขาเป็นคนที่ถวายสิบลดด้วย
เวลานั้นการกระทำของเขาทำให้ผมตกใจ แต่ตอนนี้ผมย้อมมองเหตุการณ์นั้นและเชื่อว่า นั่นเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญซึ่งกำหนดจุดหมายของคริสตจักรแซดเดิลแบ็ค ถ้าเราฟังคนนั้น คริสตจักรแซดเดิลแบ็คจะเป็นเพียงโคลงนิ่งของอีกคริสตจักรหนึ่งเท่านั้น อนาคตของเราจะต่างจากนี้มาก
ผมเรียนรู้บทเรียนสำคัญอีก 2 ประการเกี่ยวกับการเป็นผู้นำ ประการแรก คุณไม่สามารถให้คนขี้บ่นกำหนดแผนการของคริสตจักร เพราะนั่นเป็นเสมือนกับการสละตำแหน่งผู้นำของคุณ น่าเสียดาย ยิ่งคริสตจักรเล็กเท่าใด คนที่มีท่าทีแง่ลบที่สุดก็มีอำนาจมากเท่านั้น ประการที่สอง เวลาที่ดีที่สุดในการเผชิญกับความขัดแย้งของบางคนที่มีต่อปรัญชาการรับใช้ของคริสตจักร นั่นคือ ก่อนที่เขาจะเข้าร่วมคริสตจักร คุณต้องอธิบายวัตถุประสงค์ของคริสตจักรของคุณก่อนที่เขาจะเข้าร่วม ซึ่งจะเป็นการลดความขัดแย้งและความคิดหวังที่เขาจะมีต่อคริสตจักรของคุณในภายภาคหน้า และยังจะช่วยให้คนบางคนได้รู้ว่า พวกเขาควรจะไปร่วมมือในคริสตจักรใดที่มีปรัญชาและรสนิยมตรงกับพวกเขา
เป้าหมายที่ชัดเจนช่วยในการประเมินผล
2 โครินธ์ 13:5 กล่าวว่า "ท่านจงพิจารณาดูตัวของท่านว่าท่านตั้งอยู่ในความเชื่อหรือไม่ จงชันสูตรตัวของท่านเองเถิด" คริสตจักรประเมินผลตัวเองอย่งไร ไม่ใช่โดยการเปรียบเทียบกับคริสตจักรอื่น แต่โดยการถามว่า "เรากำลังทำในสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราทำหรือไม่" และ "เราทำได้ดีแค่ไหน" ปีเตอร์ ดรักเกอร์ (กูรูแห่งการบริหารจัดการ) กล่าวว่า "อะไรคือธุรกิจของเรา" และ "ธุรกิจเป็นอย่างไร" นี่คือคำถามสำคัญที่สุด 2 ข้อในการประเมินผล การประกาศถึงวัตถุประสงค์ของคริสตจักรของคุณจะต้องเป็นมาตรฐานที่คุณใช้วัดสุขภาพและการเติบโตของคริสตจักรคุณ
ไม่มีความสัมพันธ์แปรผันใด ๆ ระหว่างขนาดและกำลังของคริสตจักร เป็นไปได้ที่ว่า คริสตจักรใหญ่อาจมีกำลัง หรือใหญ่แต่อ่อนแอก็ได้ เช่นเดียวกัน คริสตจักรเล็กอาจมีกำลัง หรือเล็กและอ่อนแอก็ได้ ดังนั้น คริสตจักรใหญ่ไม่จำเป็นต้องดีกว่าและคริสตจักรเล็กก็ไม่จำเป็นต้องดีกว่า
เป้าหมายของหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่ทำให้คริสตจักรของคุณใหญ่เท่าคริสตจักรแซดเดิลแบ็ค ประเด็นสำคัญไม่ใช่ขนาด แต่ประเด็นสำคัญ คือ คริสตจักรจะแข็งแรงกว่าและมีสุขภาพดีกว่าเมื่อขับเคลื่อนด้วยวัตถุประสงค์
การเปลี่ยนเป็นคริสตจักรที่ขับเคลื่อนด้วยวัตถุประสงค์ต้องอาศัยเวลา มันไม่เกิดขึ้นทันทีทันใด หรือแม้แต่ในเวลา 6 เดือน มันอาจใช้เวลาหลายปีที่จะทำการเปลี่ยนแปลง และถ้าคุณต้องการเปลี่ยนคริสตจักรให้เคลื่อนไปด้วยวัตถุประสงค์ คุณต้องนำคริสตจักรผ่านขั้นตอนสำคัญ 4 ขั้นตอน คือ หนึ่งคุณต้อง กำหนด วัตถุประสงค์ของคุณ ต่อมา คุณต้อง สื่อสาร วัตถุประสงค์เหล่านั้นกับทุกคนในคริสตจักรอย่างสม่ำเสมอ คุณต้อง ประยุกต์ วัตถุประสงค์ของคุณกับทุกส่วนในคริสตจักร ผมจะบรรยายขั้นตอนเหล่านี้ในบทต่อ ๆ ไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น